หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับพิพิธภัณฑ์ทั่วไป ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับเข้าไปชมของเก่าเก็บ หรือสิ่งต่าง ๆ ที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม หรือความรู้อื่น ๆ แต่ยังมีพิพิธภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่แตกต่างออกไปนั่นคือ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” ซึ่งเป็นการเข้าไปชมวิถีชีวิตของคน สัตว์ หรือสิ่งแวดล้อม โดยใช้ธรรมชาติเล่าเรื่องตามสายลมและแสงแดดที่หมุนเวียนแปรเปลี่ยนไปในทุกนาที
KiNd ชวนท่องโลกไปกับ 3 พิพิธภัณฑ์มีชีวิตในประเทศไทยที่มีเรื่องราวน่าสนใจให้ค้นหา จะใช่พิพิธภัณฑ์ใกล้บ้านคุณหรือเปล่า ตามไปปักหมุดพร้อม ๆ กันเลย!
“โลกของช้าง”
เรื่องราวชีวิตระหว่างคนกับช้าง
≡
เรารู้กันอยู่แล้วว่าคนไทยกับช้างมีความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน ช้างขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองและคู่บารมีของพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่อดีต แต่ในอีกมุมหนึ่งช้างเป็นสัตว์ที่ถูกใช้แรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยิ่งในมุมมองของชาวต่างชาติยังมองกันว่าประเทศไทยและประเทศในแถบเอเชียละเมิดสิทธิของช้าง นำช้างเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อแสดงโชว์หรือแบกหาม สร้างรายได้ให้เจ้าของกิจการ แต่ช้างล่ะ ได้อะไร?
นี่จึงเป็นที่มาของ “พิพิธภัณฑ์โลกของช้าง” แห่งหมู่บ้านช้าง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ที่ได้รับงบประมาณมาสนับสนุนอนุรักษ์หมู่บ้านช้างหรือหมู่บ้านชาวกูย ที่มีวิถีชีวิตคนกับช้างอยู่ด้วยกัน
สำหรับอาคารพิพิธภัณฑ์ออกแบบโดย ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา ซึ่งตั้งใจไม่ให้มีสื่อการเรียนรู้ใด ๆ มีแค่แสงแดดและธรรมชาติในการเล่าเรื่อง พิพิธภัณฑ์จะถ่ายทอดให้เห็นถึงชีวิตของชาวกูยและช้าง โดยควาญช้างสามารถนำช้างเข้ามาเดินเล่นได้ ส่วนผู้ชมจะอยู่ภายในห้องกระจกที่จัดไว้ภายในตัวอาคาร ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อย่างสิ้นเชิง สลับบทบาทให้ช้างเดินเยี่ยมชมคนที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ ขณะที่ผู้มาเยี่ยมชมก็จะได้เห็นและเข้าใจวิถีชีวิตการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างอย่างแท้จริง
Photo Credit: SPACESHIFT STUDIO
“เมืองแม่ฮ่องสอน”
พื้นที่ชีวิตของชุมชน
≡
อิ่มใจจากการไปเยือนถิ่นคนกับช้างแล้ว ต่อมาขอชวนขึ้นเหนือมาเปิดโลกกันที่ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิตเมืองแม่ฮ่องสอน” ตั้งอยู่บนถนนสิงหนาทบำรุง เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ต.จองคำ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน ภายใต้การดูแลของเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนและความร่วมมือทางวิชาการกับวิทยาลัยชุมชนแม่ฮ่องสอน โดยใช้พื้นที่ในตัวเมืองของจังหวัดกว่า 6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่พิพิธภัณฑ์
Photo Credit: Living Museum / Facebook
พิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งนี้ เกิดจากความพยายามที่จะดำรงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของคนในชุมชนไว้ ควบคู่กับการมีส่วนร่วมของชุมชน เป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน จำนวน 6 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนป๊อกกาดเก่า ชุมชนกลางเวียง ชุมชนตะวันออก ชุมชนหนองจองคำ ชุมชนปางล้อ และชุมชนดอนเจดีย์ ภายใต้คอนเซปต์ “อยู่อย่างไร ก็อยู่อย่างนั้น” โดยใช้เมืองทั้งเมืองเป็นพิพิธภัณฑ์ ไม่มีเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์คอยดูแลให้ข้อมูล แต่เป็นชาวเมืองแม่ฮ่องสอนทุกคนที่สามารถเล่าเรื่องราวและวิถีชีวิตของตนเองได้ ผ่านการเดินสำรวจศึกษาวิถีคนในชุมชน
หากใครอยากสัมผัสความเป็นอยู่ของชาวเมืองแม่ฮ่องสอน สามารถแวะเวียนไปกันได้ที่ “พิพิธภัณฑ์มีชีวิตเมืองแม่ฮ่องสอน” เปิดทุกวัน ตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีวันหยุด!
Photo Credit: Living Museum / Facebook Photo Credit: Living Museum / Facebook
“สามชุกร้อยปี”
ตลาดมีชีวิตพิพิธภัณฑ์มีชีวา
≡
หมุดหมายสุดท้ายที่จะชวนมาเช็กอิน อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นั่นคือ “ตลาดสามชุกร้อยปี” จ.สุพรรณบุรี ที่ยังคงอนุรักษ์หลายสิ่งหลายอย่างที่ล้ำค่าแห่งวิถีชีวิตของคนในตลาดสามชุกเอาไว้
Photo Credit: Tourism Authority of Thailand
ในอดีตสามชุกเคยเป็นเมืองท่าค้าขายริมแม่น้ำท่าจีน หลังจากที่มีการตัดถนนผ่าน ทำให้คนเริ่มหันไปใช้ถนนเป็นเส้นทางคมนาคมมากขึ้น ตลาดจึงเริ่มซบเซาลง ต่อมาชาวสามชุกได้พยายามฟื้นฟูชุมชนและตลาดให้กลับมีชีวิตขึ้นใหม่ สร้างตลาดสามชุกให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นภายใต้คอนเซปต์ “ตลาดมีชีวิต พิพิธภัณฑ์มีชีวา” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเมืองแนวใหม่ โดยคนในชุมชนมีส่วนร่วมในการคิดพัฒนาเมืองของตนเอง
ภายในชุมชนมีการอนุรักษ์อาคารสถาปัตยกรรมเก่าและสร้างตลาดชุมชนที่มีสินค้าหลากหลาย เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนได้ หากใครชื่นชอบเรื่องเก่าในวันวาน ไม่ควรพลาดไปเยือนตลาดแห่งนี้เด็ดขาด
Photo Credit: welovesuphan.com Photo Credit: welovesuphan.com
3 พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง 3 เรื่องราวความแตกต่างของชีวิตกำลังรอให้คุณไปสัมผัส วันหยุดนี้ถ้ายังไม่มีแพลนไปเที่ยวไหน ลองไปเช็กอินพิพิธภัณฑ์มีชีวิตเหล่านี้กัน!