Kind Tastes

เส้นทางเวทีประกวดนางงามจากอดีตสู่ปัจจุบัน


“โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้แลตะลึง
ได้เจอครั้งหนึ่ง เสน่ห์ซึ้งตรึงใจ”


หากได้ยินเพลงนี้คราใด ก็หวนให้นึกถึงการประกวดนางงามครั้งเก่าก่อนทุกที วันนี้ KiNd ขอรับหน้าที่พาไปรำลึกความทรงจำ ถึงจุดกำเนิดการประกวดนางงามของไทยในอดีตกัน!

ก่อนจะมาเป็นเวทีการประกวดส่งออกสาวงามนั้น ในอดีตมีการจัดประกวดนางงามในระดับท้องถิ่นมาก่อนแล้ว แต่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อมีการจัดการประกวดเพื่อเฉลิมฉลองประชาธิปไตย หลังเปลี่ยนระบบการปกครองในปี พ.ศ. 2475 รัฐบาลคณะราษฎรให้ทุกจังหวัดจัดงานรื่นเริงขึ้น จากนั้นในปี พ.ศ.2477 ได้กำหนดให้จัดเวทีประกวดนางงามภายใต้ชื่อ “นางสาวสยาม”

“นางสาวสยาม” เวทีนางงามเพื่อการเมือง

เป็นที่ทราบกันดีว่า “คณะราษฎร” เป็นผู้ปลุกกระแสการประกวดนางงามให้เป็นที่นิยมในประเทศ โดยมุ่งหวังที่จะเผยแพร่อุดมการณ์และสอดแทรกความรู้ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยไปสู่ประชาชนภายใต้กิจกรรมความบันเทิง เวทีนางสาวสยามจัดขึ้นครั้งแรกในพระราชอุทยานสราญรมย์ (สวนสราญรมย์ในปัจจุบัน) โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้กำกับดูแล คุณสมบัติของสาวงามถูกระบุไว้ว่า “เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย เป็นนางสาวและมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และมิใช่เป็นผู้ประกอบอาชีพ หรือมีความประพฤติชื่อเสียงเป็นที่รังเกียจในการสมาคมของสุภาพชน” ในส่วนของรางวัลสำหรับผู้ชนะคือ เงินรางวัลจำนวน 1,500 บาท ถ้วยเงินใบใหญ่ พร้อมมงกุฎ และเข็มกลัดทองลงยารัฐธรรมนูญ

ในปีแรก เวทีนางสาวสยามมีสาวงามส่งเข้าประกวดทั้งหมด 16 จังหวัด และผู้ที่ครอบครองตำแหน่งนางสาวสยามคนแรก ได้แก่ นางสาวกันยา เทียนสว่าง ตัวแทนจากจังหวัดพระนคร (กรุงเทพฯ) นอกจากเวทีนางสาวไทยยุคแรกจะทำหน้าที่สร้างสีสันแก่งานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญแล้ว ยังมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์นโยบายสร้างชาติของรัฐบาลในด้านต่าง ๆ อาทิ การร่วมแสดงละครเวทีสาธารณกุศล เป็นภาพลักษณ์ที่ดีของรัฐบาลในการร่วมงานต่าง ๆ ตลอดจนการกำหนดให้สาวงามแต่งกายด้วยชุดตามสมัยนิยม โดยหวังว่าจะเป็นต้นแบบให้ประชาชนได้ปฏิบัติตาม

การประกวดนางสาวสยามถูกจัดขึ้น 5 ครั้ง ก่อนประเทศจะมีการเปลี่ยนชื่อตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญจาก “สยาม” ให้ใช้คำว่า “ไทย” แทน การประกวดนางสาวสยามจึงเปลี่ยนมาใช้การประกวด “นางสาวไทย” นับตั้งแต่ พ.ศ. 2482 เป็นต้นมา ทว่ารูปแบบหรือขั้นตอนต่าง ๆ ยังคงเดิม การประกวดนางสาวไทยดำเนินเรื่อยมา และได้ปิดฉากลง เนื่องจากภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เวทีประกวดนางงามภายใต้อำนาจรัฐเป็นอันสิ้นสุดในเวลานั้น

ฤดูกาลทางใหม่ ภายใต้อำนาจทุนนิยม

แม้การประกวดนางงามเวทีใหญ่จะหยุดชะงักไปกว่า 10 ปี แต่ในท้องถิ่นหรือในงานเฉลิมวาระพิเศษต่าง ๆ ได้มีการจัดการประกวดกันอย่างต่อเนื่อง จนในปี พ.ศ. 2507 สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฟื้นคืนชีพเวทีการประกวด “นางสาวไทย” ขึ้นใหม่อีกครั้ง ภายใต้จุดประสงค์ใหม่ที่อาจไม่ได้เกี่ยวโยงกับทางการเมืองเหมือนครั้งเก่าโดยตรง แต่เป็นการประกวดเพื่อส่งออกสาวงามสู่เวทีระดับโลก

ก่อนไปสู่เวทีโลก ผู้ได้รับตำแหน่งนางสาวไทยจะได้รับพระราชทานคำแนะนำจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 พร้อมกับภารกิจสำคัญที่มิใช่เพียงการคว้ามงกุฎมาครอง แต่เป็นการประชาสัมพันธ์ “ประเทศ” สู่สายตาชาวโลกนั่นเอง ซึ่งตัวแทนสาวไทยคนแรกที่เข้าประกวดในเวทีระดับสากลอย่าง “อาภัสรา หงสกุล” ก็ได้สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศมาครองในปี พ.ศ. 2508 ซึ่งก่อเกิดเป็นปรากฏการณ์อาภัสราขึ้น ผู้คนหลายร้อยหลายพันแห่แหนมารอต้อนรับนางงามจักรวาลคนแรกของประเทศไทย โดยภาพในความทรงจำคือ ภาพอาภัสรานั่งบนรถเปิดประทุน ถือร่มบ่อสร้าง สวมซิ่นสันกำแพงลายขวาง พร้อมโบกมือทักทายผู้คนตลอดเส้นทาง

ต่อมา เอกชนเริ่มเข้ามามีบทบาทในการจัดการประกวดแทน ผนวกกับยุคสมัยที่แปรเปลี่ยนไป ในแวดวงนางงามได้ก่อกำเนิดเวทีการประกวดครั้งใหม่ ๆ ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Miss Grand Thailand, Miss and Mister Supranational Thailand, Miss International Thailand รวมไปถึง Miss Universe Thailand อีกด้วย


อ้างอิง

เรื่องโดย