Kind Eyes

ฉันเกลียดคริสต์มาส! รวมพล “คนเกลียดวันคริสต์มาส” กับภาพยนตร์แอนิเมชันที่เปลี่ยนมุมมองของคนมองต่างมุม

ใคร ๆ ต่างก็รอคอยเทศกาลแห่งความสุขอย่าง “คริสต์มาส” กันทั้งนั้น ด้วยบรรยากาศอันแสนอบอุ่นหัวใจ ที่แต่ละครอบครัวจะได้มาใช้เวลาร่วมกัน รวมถึงความมีชีวิตชีวาของสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งประดับประดาไปด้วยสีเขียว สีแดง และแสงไฟระยิบระยับ แต่วันนี้ KiNd ไม่ได้จะมาพูดถึงสาวกคนคลั่งรักวันคริสต์มาส แต่จะชวนมาเปิดมุมมองของคนมองต่างมุม ว่าทำไมกันนะพวกเขาถึงได้เกลียดวันคริสต์มาสเป็นที่สุด! โดยหยิบยกแอนิเมชันมาเล่า 2 เรื่องด้วยกันคือ A Christmas Carol (2009) หรืออาถรรพ์วันคริสต์มาสและ The Grinch (2018) 

ถ้าวันคริสต์มาสปีนี้ ใครยังไม่มีกิจกรรมทำแล้วละก็… ไปดูหนังที่ห้องเราไหม!

A Christmas Carol (2009)
ชายแก่จอมตระหนี่ ผู้โดดเดี่ยว
ในคืนคริสต์มาส

❄⛄🎄

“ถ้าฉันขอพรได้จริง ขอให้ไอ้โง่ทุกตัวที่แหกปากร้องสุขสันต์วันคริสต์มาส ขอให้มันตกกระทะทองแดง ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด”


เอเบนีเซอร์ สครูจ ชายแก่จอมตระหนี่ ผู้เป็นตัวเอกของเรื่อง สบถออกมาขณะพูดคุยกับหลานชายที่แวะมาเยี่ยมเยียนเขาในวันคริสต์มาสอีฟ แต่ก่อนจะเข้าประเด็นว่าทำไม? สครูจถึงมีอคติกับวันคริสต์มาสนัก เราขอชวนไปทำความรู้จักกับที่มาของภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้กันสักหน่อย


“A Christmas Carol” เป็นนวนิยายสุดคลาสสิกของ “ชาลส์ ดิกคินส์” ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1843 และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนถูกนำมาดัดแปลงเป็นละคร ละครเวที และภาพยนตร์หลายครั้ง สำหรับ A Christmas Carol (2009) เวอร์ชันนี้ เป็นการ์ตูนแอนิเมชันในรูปแบบโมชั่น-แคปเจอร์ (Motion Capture) เทคนิคที่จับเอาคนจริง ๆ มาสวมบทบาทเป็นตัวละครในแอนิเมชัน โดยจะมีเซ็นเซอร์ติดตามตัว แล้วแสดงการประเมินผลออกมาทางคอมพิวเตอร์ กำกับโดย “โรเบิร์ต เซเม็กคิส” หลายคนมักรู้จักเรื่องนี้กันในนามว่า Disney’s A Christmas Carol โดยมี “จิม แคร์รี่ย์” นักแสดงตลกชื่อดังสวมบทบาทและพากย์เป็นตัวเอกคือ “เอเบนีเซอร์ สครูจ”


กำกับโดย
“โรเบิร์ต เซเม็กคิส”

Photo Credit: www.34st.com



เรื่องราวสุดอลม่านปนหลอนของ “สครูจ” ตาเเก่จอมขี้เหนียว ได้เริ่มต้นขึ้นในกลางดึกของคืนวันคริสต์มาสอีฟ เมื่อวิญญาณหุ้นส่วนอย่าง “เจค็อบ มาร์ลี่ย์” ออกมาปรากฏกายให้เขาเห็นในรูปลักษณ์ที่ร่างกายเต็มไปด้วยโซ่ตรวน ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดเมื่อครั้งมีชีวิต ที่จิตใจหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ตลอดเวลา จนไม่เคยมองเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเองหรือเพื่อนมนุษย์แม้แต่น้อย เจค็อบมาหาสครูจเพื่อเตือนให้เขารอดพ้นจากชะตากรรมแบบเดียวกัน และเตือนให้ระวังภูติผีแห่งคริสต์มาส จำนวน 3 ตน ที่จะมาหาเขา ซึ่งเป็นภูติเเห่งอดีต ที่จะพาย้อนไปดูความสนุกหรรษาในช่วงคริสต์มาสที่เขาเคยมี ภูติแห่งปัจจุบัน ที่จะพาไปดูการใช้ชีวิตของผู้คนรอบ ๆ ตัวเขาในวันคริสต์มาสอย่างเสมียนผู้ซื่อสัตย์ของเขา “บ็อบ แครตชิต” และ “เฟรด” หลานชายของเขา ที่แม้ว่าเขาจะทำตัวไม่ดีแค่ไหนก็ตาม แต่ทุกคนก็ยังคงเอ่ยชื่อและนึกถึงเขาเสมอ เเละภูติแห่งอนาคต ที่มีลักษณะคล้ายยมทูต ได้พาเขาไปมองดูตัวเองในช่วงที่ตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติที่มีกลับเอาไปไม่ได้ แถมยังตายอย่างโดดเดียวเดียวดายและไม่มีเกียรติเอาเสียเลย


ทั้งหมดนี้ สอนให้สครูจรู้ซึ้งถึงความหมายของวันคริสต์มาส เเละการเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เขาจึงอยากจะกลับไปปรับปรุงตัวเองใหม่ เพราะเขาไม่อยากจะตายไปในแบบที่เขาไปเห็นมาในอนาคตนั่นเอง จนในที่สุดคำว่า “สุขสันต์วันคริสต์มาส” ก็หลุดออกมาจากปากของสครูจ และเขาได้กลายเป็นชายแก่ที่มีความสุขที่สุดคนหนึ่ง ขณะกำลังนั่งสังสรรค์ค่ำคืนวันคริสต์มาสร่วมกับครอบครัว

The Grinch (2018)
เจ้าตัวเขียว ใจเล็ก จอมโจรผู้ขโมยวันคริสต์มาสของทุกคน
❄⛄🎄

“ตอนเด็กไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ไร้คนร่วมฉลอง ไร้คำอวยพร
โดดเดี่ยว วันที่เจ็บปวดรวดร้าวแห่งปี ความเจ็บถาโถมมา ดั่งมีดกรีดมาที่ความรู้สึก”


คำบรรยายตัวละครเอกช่วงหนึ่งในเรื่อง The Grinch (2018) แสดงให้เห็นว่าภายใต้ใบหน้าที่ดูตลก เฮฮา ก๋ากั๋นของกริ๊นช์ สิ่งมีชีวิตตัวสีเขียวขนปุกปุยที่ชอบอะไรสีแดง ๆ กลับเต็มไปด้วยความเศร้า เหงาและโดดเดี่ยว


“The Grinch (2018)” หรือ “Dr. Seuss’ The Grinch (2018)” ภาพยนตร์แอนิเมชันที่สร้างโดย Illumination ดัดแปลงมาจากหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็กเรื่อง How the Grinch Stole Christmas ของ ดร.ซุสส์ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2000 ด้วยชื่อเดียวกันกับหนังสือ จากผลงานการกำกับของรอน โฮเวิร์ด และนำแสดงโดย จิม แคร์รี่ย์
 


กำกับโดย
“รอน โฮเวิร์ด”

Photo Credit: www.britannica.com


เปิดเรื่องมาถือว่าเรียกเสียงฮาและวาดสีสันของตัวเอกอย่าง “กริ๊นช์” ได้ดูสนุกสนานและตลกเลยทีเดียว กริ๊นช์ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ “แมกซ์” สุนัขแสนรู้คู่ใจบนหุบเขาสูง ห่างไกลจากหมู่บ้านฮูวิลล์ หมู่บ้านหลักในเรื่องที่รักเทศกาลคริสต์มาสเป็นที่สุด แต่ไม่ใช่กับกริ๊นช์ เพราะเขากลับหงุดหงิดใจ และรู้สึกเกลียดความวุ่นวายในวันคริสต์มาส จนถึงขั้นวางแผนขโมยวันคริสต์มาสของชาวเมืองฮู โดยการปลอมตัวเป็นซานตาคลอสในคืนคริสต์มาสอีฟ แล้วขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับคริสต์มาสไปให้หมด ตัดภาพมาที่ตัวละครอีกตัวหนึ่งคือ “ซินดี้ ลู” สาวน้อยแสนซน สุดร่าเริง แต่กลับมีความกังวลใจที่ยิ่งใหญ่เกินตัว เพราะเธอมีเป้าหมายที่อยากเจอซานตาคลอสเพื่อขอพรให้คุณแม่ของเธอไม่ต้องทำงานหนัก และจุดเปลี่ยนของเรื่องก็เกิดขึ้นตอนที่กริ๊นช์กำลังไปขโมยคริสต์มาสที่บ้านของซินดี้ เขาและเธอก็ได้พบกัน โดยเธอไม่รู้ว่ากริ๊นช์คือซานตาคลอสตัวปลอม เธอจึงตั้งใจขอพรพร้อมกระโดดกอดเขาอย่างเป็นมิตร กริ๊นช์นึกแปลกใจกับการกระทำของเธอ พร้อมกับความรู้สึกที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป

“หนูอยากให้คุณร่วมฉลองคริสต์มาสคืนนี้จัง ทุกคนมารวมตัวร้องเพลงกัน มันเพราะกินใจมาก แล้วถ้าลองหลับตาตั้งใจฟัง ความเศร้าใจทั้งหลายก็จะหายไปเลย”


ซินดี้พูดทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่กริ๊นช์จะหลบหนีไปพร้อมของขวัญวันคริสต์มาสทั้งหมด
 


เช้าของวันคริสต์มาส ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกใจว่าของขวัญคริสต์มาสนั้นหายไปไหนหมด ซินดี้คิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ซานตาคลอสโกรธจนต้องขโมยของไป จึงออกมารับผิดกับคุณแม่ของเธอ แม่ของเธอจึงพูดว่า “เขาไม่ได้ขโมยคริสต์มาส เขาแค่ขโมยของไปจ้ะลูก คริสต์มาสอยู่ในนี้ (เอามือทาบที่หัวใจ) อีกอย่างแม่มีของขวัญที่ดีที่สุดของแม่แล้ว หนูไง” เรียกว่าเป็นประโยคที่ค่อนข้างกินใจทีเดียวเชียว หลังจากนั้นทุกคนในหมู่บ้านต่างมาร่วมร้องเพลงคริสต์มาสด้วยกัน กริ๊นช์ ที่กำลังยืนอยู่บนภูเขาได้ยินเสียงร้องเพลงเข้าก็เริ่มคล้อยตามไปกับซินดี้ และลองหลับตาฟังอย่างตั้งใจ ทำให้หัวใจเล็ก ๆ ของเขากลับพองโตขึ้นมา จนในที่สุดเขาก็เอาของขวัญทั้งหมดไปคืนชาวบ้าน และสารภาพเรื่องราวทั้งหมด ก่อนเรื่องราวจะจบลง ซินดี้ ได้ชวนกริ๊นช์ให้มาร่วมฉลองงานคริสต์มาสที่บ้านของเธอ กริ๊นช์เปิดใจและตัดสินใจไปร่วมงานเฉลิมฉลอง พร้อมกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า

“ผมเกลียดคริสต์มาสและเกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับมันมาตลอดชีวิตของผมเลย แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า ผมไม่ได้เกลียดคริสต์มาสหรอก แต่เกลียดที่ต้องอยู่คนเดียว แต่ผมจะไม่ต้องอยู่คนเดียวอีกต่อไป ผมต้องขอบคุณพวกคุณ”


เหตุเกิดจากความเหงา
เพราะพวกเขาโดดเดี่ยว
❄⛄🎄

เป็นอย่างไรบ้างกับแอนิเมชัน 2 เรื่องที่เรานำมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่ตัวละครเอกของทั้งสองเรื่องเกลียดวันคริสต์มาสนั้น เกิดมาจากความเศร้าใจจากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความโดดเดี่ยวจากการไร้ครอบครัว หรือความเหงาจากการไร้เพื่อน รวมถึงการหมกมุ่นอยู่แต่กับความคิดของตัวเองเป็นส่วนใหญ่ จนหลงลืมคนรอบข้างไปเสียหมด แต่ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ค้นพบว่า วันคริสต์มาสนั้นไม่ได้ผิด ผู้คนที่เฉลิมฉลองกับเทศกาลคริสต์มาสก็ไม่ได้ผิด หรือตัวเขาเองที่เกลียดวันคริสต์มาสก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถคลายความเศร้าใจที่มีอยู่ และเปิดรับปัจจุบันขณะ พร้อมให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขและสนุกกับชีวิต

แท้จริงแล้วแก่นสำคัญของเทศกาลคริสต์มาส ไม่ได้มีเพื่อให้ตัวเราเองนั้นมีความสุขอย่างเดียว แต่เป็นการส่งต่อความสุขให้กันและกันมากกว่า สำหรับวันนี้ KiNd ขอกล่าวคำว่า “Merry Christmas” นะทุกคน



อ้างอิง

  • ภาพยนตร์แอนิเมชัน เรื่อง A Christmas Carol (2009) กำกับโดย โรเบิร์ต เซเม็กคิส
  • ภาพยนตร์แอนิเมชัน เรื่อง Dr. Seuss’ The Grinch (2018) สร้างสรรค์โดย Illumination

เรื่องโดย

ภาพโดย