ชาวมัลดีฟส์มีสายสัมพันธ์กับมหาสมุทรมายาวนาน พวกเขาเข้าใจและดำรงชีวิตอย่างสมดุลกับท้องทะเล จึงเลือกทำประมงอย่างยั่งยืน ลดผลกระทบต่อมหาสมุทร และสร้างเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน
เบ็ดตวัด เสน่ห์การทำประมงของชาวมัลดีฟส์
อุตสาหกรรมประมงสร้างงานให้กับประชากรมัลดีฟส์กว่า 30% รองจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยโครงการพัฒนาทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน (Sustainable Fisheries Resources Development Project) เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2017 ก่อนจะตามมาด้วย พ.ร.บ. การประมงแห่งมัลดีฟส์ ในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งสั่งห้ามใช้อุปกรณ์ประมงที่ไม่ยั่งยืน เช่น อวนล้อมจับแบบมีสายมาน (Purse Seine) อวนลาก (Trawl Nets) และอวนลอย (Gills Nets) เป็นต้น
ชาวมัลดีฟส์นิยมทำประมงด้วยการใช้ “เบ็ดตวัด” ซึ่งนอกจากดีต่อมหาสมุทรแล้ว ยังส่งผลดีต่อทางสังคมและเศรษฐกิจของชุมชนอีกด้วย
การทำประมงโดยใช้เบ็ดตวัด ถือเป็นเสน่ห์ของชาวประมงมัลดีฟส์ที่นำมาใช้จับปลาทูน่า เป็นการประมงแบบยั่งยืน เนื่องจากขนาดตาเบ็ดจะเป็นตัวกำหนดขนาดปลาที่จะจับ และสามารถจับได้ตรงตามชนิดเป้าหมาย ซึ่งมีผลกระทบต่อสัตว์อื่น ๆ ในท้องทะเลน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผลกระทบของเครื่องมือชนิดอื่น ๆ อย่างอวนลากหรืออ้วนล้อม ที่อาจทำให้ปลาสายพันธุ์อื่น ๆ รวมถึงปลากระเบน ฉลาม เต่าทะเล วาฬขนาดเล็ก หรือแม้แต่ปลาทูน่าที่ยังไม่โตเต็มวัยติดมาด้วย
วิธีการใช้เบ็ดตวัดนั้น เกิดจากการสังเกตพฤติกรรมหาอาหารของปลาทูน่า คือ เมื่อมีตัวหนึ่งเริ่มกินเหยื่อก็จะกระตุ้นพฤติกรรมปลาทูน่าตัวอื่น ๆ ในฝูงให้กินด้วย หรือเรียกว่าช่วง Feeding Frenzy (ให้อาหารอย่างบ้าคลั่ง) ชาวประมงจะใช้พฤติกรรมนี้ในการล่อฝูงทูน่าให้กินอาหารอย่างบ้าคลั่ง โดยฝูงทูน่าเป้าหมายจะไม่แตกฝูงหรือว่ายหนีไป จากนั้นลูกเรือที่ถือเบ็ดจะหย่อนสายเบ็ดลงไปในน้ำ ตัวเบ็ดที่หย่อนจะไม่มีเงี่ยง หรือตะขอเกี่ยว เพื่อที่เวลาตวัดเบ็ดขึ้นมาจะปลดปลาออกจากเบ็ด และปลาจะถูกเหวี่ยงขึ้นเรือไปข้างหลังได้แบบอัตโนมัติ ปลาจะกินเบ็ดเปล่า ๆ ได้ เพราะช่วงนั้นอยู่ในภาวะ Feeding Frenzy ซึ่งปลาเหยื่อจำนวน 1 กิโลกรัม สามารถจับปลาทูน่าได้ประมาณ 10 กิโลกรัม
Fleet One เทคโนโลยีติดตามเรือประมง
นอกจากการทำประมงแบบดั้งเดิมของชาวท้องถิ่นอย่างการเลือกใช้เบ็ดตวัดแล้ว ทางการมัลดีฟส์ยังออกใบอนุญาตให้เฉพาะเรือประมงที่มีระบบการติดตามแบบเรียลไทม์และที่จดทะเบียนในมัลดีฟส์เท่านั้น ภายใต้โครงการจัดทำระบบติดตามเรือ (Vessel Monitoring System: VMS)
Fleet One หรือบริการบรอดแบนด์ทางทะเลจะสนับสนุนระบบตรวจสอบย้อนกลับและการบันทึกข้อมูลการประมงแบบดิจิทัล (electronic Catch Documentation and Traceability: eCDT) เพื่อต่อต้านการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (Illegal Unregulated Unreported: IUU) ซึ่ง พ.ร.บ. การประมงแห่งมัลดีฟส์ ในปี ค.ศ. 2019 ได้กำหนดให้ชาวประมงมีสิทธิได้รับบำนาญ การฝึกอบรม และการเชื่อมต่อกับบริการฉุกเฉินต่าง ๆ ด้วย
ระบบ Fleet One มีความรวดเร็วกว่าระบบติดตามเรือแบบเดิมมากกว่า 20 เท่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบดังกล่าวจะรองรับการแชทของลูกเรือ ระบบธนาคารบนมือถือ และการถ่ายทอดภาพวิดีโอแบบสดสำหรับการประมงขนาดกลางและขนาดเล็ก
ในขณะที่ Inmarsat บริษัทด้านการสื่อสารเคลื่อนที่ผ่านดาวเทียม และ Cobham SATCOM ผู้ให้บริการโซลูชันคลื่นวิทยุและดาวเทียมสื่อสาร ได้รับการอนุมัติสัญญาฉบับใหม่สำหรับการเชื่อมต่อเรือประมง 732 ลำในเขตเศรษฐกิจจำเพาะมัลดีฟส์เข้ากับ Fleet One
โดย SAILOR Fleet One สามารถให้บริการการโทรด้วยเสียงและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลก ผ่านเสาอากาศขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเบาและขั้นตอนการติดตั้งที่ง่ายดาย ราคาที่จับต้องได้ของเทคโนโลยีนี้ทำให้เรือขนาดเล็กสามารถเข้าถึงการสื่อสารทางทะเลผ่านดาวเทียมได้เป็นครั้งแรก โดยโครงการ VMS จะเป็นการตอกย้ำบทบาทของมัลดีฟส์ในการเป็นผู้นำด้านการประมงที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์เศรษฐกิจสีน้ำเงิน (Blue Economy) ในระยะยาว
คุณ Zaha Waheed รัฐมนตรีกระทรวงการประมงมัลดีฟส์ กล่าวว่า “โครงการนี้ช่วยให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานของบรอดแบนด์ทางทะเลสำหรับการติดตามและจัดการการดำเนินการทางประมง พร้อมทั้งส่งเสริมสวัสดิภาพของผู้ที่ทำงานในทะเล โดยกระทรวงฯ มีเป้าหมายในการอนุรักษ์และส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยการให้บริการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะช่วยให้เรือแต่ละลำสามารถอนุรักษ์ ติดตาม และส่งเสริมสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้”
อ้างอิง
- Inmarsat ร่วมมือกับ Cobham SATCOM มุ่งพัฒนาประมงยั่งยืนในมัลดีฟส์ด้วยบริการ Fleet One. www.ryt9.com
- การประมงด้วยเบ็ดตวัด ทางออกที่ยั่งยืนของการทำประมงปลาทูน่า. www.facebook.com/greenpeaceseath