Kindvironment

5 ผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์จากภาวะโลกร้อน


ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ของโรค COVID – 19 ที่ครองหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกสำนัก ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประกาศแผนการบริหารเพื่อจัดการกับภัยคุกคามระดับโลกนั่นคือ “ภาวะโลกร้อน”

นักวิทยาศาสตร์เตือน ไม่ใช่แค่ธรรมชาติและสัตว์ป่าเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้น แต่กระทบถึงมนุษย์ด้วยเช่นกัน สำหรับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แล้ว เรื่องนี้เป็นปัญหาอย่างแท้จริง

“มันเกิดขึ้นแล้ว” กล่าวโดย ดร.พอล เออร์บัค แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และผู้เขียน “Enviromedics” หนังสือเล่มแรกที่รวมหัวข้อปัญหาภาวะโลกร้อนและสุขภาพมนุษย์เข้าด้วยกัน “อุณหภูมิโลกสูงขึ้นแล้ว และทำให้สุขภาพแย่ลง นี่คือปัญหาสุขภาพของมนุษย์ทุกคน”

แม้ว่าภาวะโลกร้อนจะส่งผลเสียต่อสุขภาพเรามากมาย แต่หลายคนก็ยังมองไม่เห็นความเกี่ยวข้อง สภาพอากาศที่แปรปรวนนี้เชื่อมโยงกับความเจ็บป่วยจากอากาศร้อน เป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ ทั้งด้านคุณภาพของอากาศ ด้านจิตใจของแต่ละบุคคล และทั่วโลก


ความเจ็บป่วยจากอากาศร้อน

ตั้งแต่อุณหภูมิโลกพุ่งสูงขึ้น ประชากรหลายพื้นที่เริ่มรู้สึกถึงความร้อนแล้วเช่นกัน “ปัจจุบัน ผลกระทบที่เห็นได้ชัดที่สุดจากภาวะโลกร้อนคืออากาศที่ร้อนขึ้น” ดร. แอรอน เบิร์นสไตน์ กุมารแพทย์ และรักษาการผู้อำนวยการที่ Center for Climate, Health, and the Global Environment ของ Harvard T.H. Chan School of Public Health กล่าว


“อัตราการเสียชีวิตที่มีสาเหตุจากอากาศร้อนเพิ่มสูงขึ้น มากกว่าอัตราการเสียชีวิตจากโรคประจำตัวเสียอีก” ดร. แอรอนยังตั้งข้อสังเกตว่าคลื่นความร้อนอาจทำให้อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ รุนแรงขึ้น ทั้งโรคหอบหืด โรคทางจิตเวช โรคเบาหวาน และโรคไต

เรื่องที่น่ากังวลคือผลกระทบที่มีต่อมนุษย์ ซึ่งดร. แอรอน ได้รวบรวมแนวทางเพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลกระทบด้านสุขภาพจากภาวะโลกร้อน

“คลื่นความร้อนมีแนวโน้มจะคร่าชีวิตผู้คนในสหรัฐฯ มากกว่าภัยพิบัติจากภาวะโลกร้อนประเภทอื่น ๆ เพราะมันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกัน หรือห่างไกลออกไปอย่าง เนแบรสกา ลอส แองเจลิส นิวยอร์ก หรือซีแอตเติล” ดร.เจสซีกล่าว

โรคติดเชื้อ

การรับประทานอาหารที่ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น จากสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ทำให้อัตราผู้ป่วยจากโรคติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น

“โรคติดเชื้อบางชนิดในปัจจุบันของอเมริกาเหนือ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคลิชมาเนีย และการติดเชื้อราประเภทอื่น ๆ เริ่มระบาดในพื้นที่ที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อน” กล่าวโดย ดร.มิชา โรเซนบาค แพทย์ผิวหนัง และนักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย

จากรายงานของกรมควบคุมโรคระบุว่า ตัวเลขของผู้ป่วยโรคข้ออักเสบเพิ่มสูงขึ้นเป็นสามเท่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปัจจุบันในขณะเดียวกัน

อุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงขึ้นก็เอื้อให้เกิดการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อผ่านทางน้ำอีกด้วย

“อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและอุ่นขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มระดับอัตราการเกิดภัยธรรมชาติอย่างพายุเฮอร์ริเคนและน้ำท่วม” ดร.มิชากล่าว “และภัยพิบัติพวกนี้สัมพันธ์กับอัตราการเกิดโรคติดเชื้อ ทั้งการติดเชื้อในลำไส้ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และการติดเชื้อทางผิวหนัง”

ภัยธรรมชาติ ล่าสุดเช่น พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และแซนดี้ (Harvey and Sandy Hurricane) ได้พาโรคภัยไข้เจ็บมาพร้อมกันด้วย คือ อหิวาตกโรค และโรคประเภทติดเชื้อแบคทีเรีย ดร. ซาอุล ไฮมส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กุมารเวชศาสตร์คลินิก และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็ก ของโรงพยาบาลเด็กสโตนี่บรูค กล่าว

การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิด “การรั่วไหล (Spillover)” หรือการแพร่ระบาดของไวรัสที่อาศัยในร่างกายของสัตว์มาสู่คนด้วย ดร.ซาอุลย้ำ

“ภาวะโลกร้อนคือสิ่งรบกวนแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ และทำให้มนุษย์ต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตใหม่เช่นกัน เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม และปัญหาภัยแล้ง” ดร.ซาอุลกล่าว “ซึ่งจะทำให้เกิดการใกล้ชิดระหว่างสัตว์ป่าและมนุษย์มากขึ้น และนำมาซึ่งการติดต่อของโรคร่วมกัน ที่เราได้เห็นกันแล้วคือ เชื้อ SARS-CoV-2 ของโรค COVID -19”

สภาพอากาศแปรปรวนรุนแรง

นอกเหนือจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ในปี ค.ศ. 2020 นี้ สถิติของพายุเฮอร์ริเคนนั้นสูงขึ้นเท่ากับอัตราการเกิดไฟป่าและน้ำท่วมทั่วโลก อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นมีส่วนให้ภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้รุนแรงขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่กำลังจะเป็น “New Normal” ที่มนุษย์ต้องทำความเคยชิน “อัตราการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในศตวรรษหน้า”

– ดร.เจสซีกล่าว


ผลจากสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงนี้ ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อสุขภาพของมนุษย์เช่นกัน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ผู้ลี้ภัย “เช่นที่แอสโทรโดม ในฮิวสตัน หลังจากพายุเฮอร์ริเคนคาทริน่า (Katrina Hurricane) พื้นที่โดมเต็มไปด้วยผู้คนก่อให้เกิดความอัดและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหวัด และการแพร่กระจายเชื้อไวรัสแบบคนสู่คน” ดร.ซาอุลกล่าว

คุณภาพอากาศ

ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ด้านมลพิษทางอากาศ ในขณะที่การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศโดยตรง แต่ภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลก็มีส่วนทำให้คุณภาพอากาศแย่ลงเช่นกัน “อันดับแรกคือ ภาวะโลกร้อนทำให้เกิดความแห้งแล้งและคลื่นความร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดไฟป่าในแคลิฟอร์เนีย ควันและฝุ่นละอองในอากาศจากภัยพิบัติเหล่านี้เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง หรือโรคหอบหืด” ดร.ซาอุลกล่าว

ดร.ซาอุลยังเสริมว่า ต่อให้ไม่มีไฟป่า แต่ว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโอโซนที่ลดลง อาจก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจเช่น หอบหืด ได้เช่นกัน นอกจากนี้

ภาวะโลกร้อนอาจส่งผลต่อคุณภาพของอากาศ และโรคต่าง ๆ ในมนุษย์ ผ่านตัวกลางอย่าง “พืช”


“สภาพอากาศที่อุ่นขึ้น และฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้น ยังนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในวงจรการผสมเกสรและการออกดอก พืชบางชนิดออกดอกครั้งที่สองในฤดูร้อนนี้แล้ว” ดร.ซาอุลกล่าว “โดยปกติ จำนวนละอองเกสรที่เพิ่มมากขึ้น หรือฤดูของการพัดพาละอองเกสร มักกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคหอบหืด รวมถึงอาการแพ้อื่น ๆ ด้วย”

สุขภาพจิตและบาดแผลในใจ

ดร.เจสซี ระบุว่า สภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงส่งผลต่อสุขภาพจิตเช่นกัน “ผลกระทบต่อจิตใจจากภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นค่อนข้างหนัก” เขากล่าว

“บ้านและทรัพย์สินถูกทำลาย ผู้ประสบภัยต้องย้ายถิ่นฐาน สร้างบ้านใหม่ ซึ่งสิ้นเปลืองและมีค่าใช้จ่ายสูง ด้วยเหตุนี้สุขภาพจิตของพวกเขาจึงแย่ลง จำนวนผู้รอดชีวิตจากธรรมชาติที่เป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลเพิ่มสูงขึ้น” 


นักวิจัยได้เริ่มบันทึกผลกระทบทางจิตใจ ของการเผชิญความสูญเสียจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนรุนแรง ได้แก่ภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล PTSD (ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง) และภาวะการปรับตัวผิดปกติ (โรคเครียด) รวมถึงบันทึกสถิติอัตราการใช้ยาเสพติด การดื่มแอลกอฮอล์ และเหตุการณ์ความรุนแรงภายในครอบครัว นอกจากนี้ ภัยพิบัติจากสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงยังก่อให้เกิดโรคเครียดเรื้อรัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด


“เราต้องจัดการกับปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพจิตตรงนี้อย่างด่วนที่สุด เพราะมันกระทบกับทุกอย่าง ทั้งชีวิตส่วนตัว เศรษฐกิจ และการเมือง” กล่าวโดย ดร.ลิส แวน ซุสเตอเรน จิตแพทย์และนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม

สำหรับ ดร.ลิส ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนต่อคน ๆ หนึ่งนั้นมากกว่าแค่สุขภาพจิตที่ย่ำแย่ลง “การบาดเจ็บ การเสียชีวิต บ้านที่ถูกไฟเผาหรือถูกน้ำพัดไป ความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตตามปกติของตัวเอง เรื่องพวกนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจแน่นอน” ดร.ลิสกล่าว “ในทางกลับกัน สุขภาพจิตที่แย่ลงก็ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเรา และสุขภาพกายที่แย่ลงก็ส่งผลต่อทุกด้านในชีวิตของเรา”

แม้ว่าภาวะโลกร้อนเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของมนุษย์แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ย้ำว่า ยังไม่สายที่เราจะเริ่มลงมือต่อสู้เพื่อลดผลกระทบเหล่านี้ ทั้งการเริ่มที่ตัวเองโดยลดการใช้คาร์บอน และเริ่มในระดับสังคมโดยการผลักดันนโยบายที่สนับสนุนการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน

“คุณต้องรู้ตัวว่า ทุกอย่างที่คุณทำนั้นส่งผลต่อส่วนรวม และตระหนักว่าคุณเองก็มีพลังที่จะกำหนดบรรทัดฐานของสังคมได้เช่นกัน” ดร.ลิสกล่าว “ทุกอย่างเริ่มต้นได้จากในบ้านของคุณเอง”


ที่มา


เรื่องโดย