Kindtizen

กลุ่มคนชายขอบที่ถูกสังคมทอดทิ้ง กับ “ฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน” ที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตคนไร้บ้านไปตลอดกาล


Lauren Blud รู้สึกตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อต้องก้าวลงสนามฟุตบอล และครั้งนี้เธอตื่นเต้นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะนี่คือ การแข่งขันฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน 2019 (Homeless World Cup 2019) แมตช์สำคัญที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น แม้ว่าเธอพยายามทำใจให้สงบระหว่างที่พิธีกรกำลังกล่าวเปิดการแข่งขัน แต่กลับดูเหมือนจะยิ่งกระตุ้นความกังวลของเธอขยับขึ้นไปอีกขั้น แต่ทันทีที่สิ้นเสียงประกาศ ความร้อนรุ่มก็กลับมาเกาะกุมร่างกายเธออีกครั้ง เธอรู้สึกได้ถึงพลังที่เอ่อล้นออกมาและนี่คือสัญญาณที่ส่งมาว่า ศึกครั้งนี้เวลล์จะต้องชนะ!

“การแข่งขันฟุตบอลมีความหมายต่อฉันมาก และการที่ฉันได้ทำอะไรเพื่อประเทศก็เป็นอะไรที่วิเศษไปเลย” เธอกล่าว “ฉันภูมิใจมากที่ได้ลงแข่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตของฉันตอนนี้ มันเหนือความคาดหมายไปหมด ทำเอาฉันแทบบ้าไปเลย” 

Blud เป็นหนึ่งในผู้เล่น 500 คนทั่วโลกที่เล่นในฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน 2019 ซึ่งได้จัดการแข่งขันมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ และจะถึงรอบตัดสินในไม่ช้า กองหน้าหญิงของเวลล์ กล่าวว่า ทีมและการแข่งขัน ทำให้เธอรู้สึกถึงความหมายของชีวิตที่ขาดหายไป นับตั้งแต่เธอต้องกลายเป็นคนไร้บ้านและต้องตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายตามข้างถนน ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

“ฉันคิดว่าฉันเป็นคนไร้ค่ามาโดยตลอด” เธอกล่าว แต่อนาคตของเธอกลับดูสดใสขึ้น หลังจากผ่านการคัดเลือกและเป็นหนึ่งในนักกีฬาฟุตบอลคนไร้บ้านที่จะจัดขึ้นที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ ในระหว่างการแข่งขันตลอดทั้งสัปดาห์เธอและเพื่อนร่วมทีมจะได้ย้ายไปพักที่แฟลตของตัวเองเป็นครั้งแรก และตอนนี้เธอกำลังวางแผนขอใบอนุญาตโค้ชฟุตบอลเพื่อนำมาประกอบอาชีพต่อไป “ชีวิตของฉันกำลังดีขึ้น” เธอกล่าว ก่อนจะเตะถล่มเบลเยี่ยมไปห้าประตู


เงื่อนไขสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกคนไร้บ้านนั้น จะต้องเป็นคนไร้บ้านไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือเป็นผู้ขอลี้ภัย คนขายหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารตามท้องถนน และผู้ที่อยู่ระหว่างการบำบัดการติดยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งคาร์ดิฟฟ์ 2019 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 17 เปิดโอกาสให้ผู้เล่นหลายพันคนได้เดินทางพบปะเพื่อนใหม่ผู้เผชิญสถานการณ์เดียวกัน และบางทีอาจจะได้พบกับเส้นทางอนาคตที่ดีกว่าเก่าก็เป็นได้

การเตะบอลในสนามขนาดย่อมประกอบด้วยทีมผู้เข้าแข่งขันฝั่งละ 4 คน แบ่งเป็น ผู้เล่น 3 คน และผู้รักษาประตู 1 คน และยังไม่ทันไรเกมการแข่งขันก็ดุเดือดขึ้นตั้งแต่ในช่วงเจ็ดนาทีแรก ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครและยิ่งทุ่มสุดตัวเมื่อเสียงเชียร์จากผู้ชมดังขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะเหน็ดเหนื่อยแต่กลับมีความสุขกับการแข่งขันครั้งนี้มาก พวกเขาเปล่งประกายเกินกว่าจะถูกตราหน้าให้เป็นเพียง คนไร้บ้าน ที่ถูกจัดให้เป็นคนชายขอบของสังคม

ขณะที่ ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนล้วนมีเรื่องราวที่น่าทึ่ง ตัวอย่างเช่น Juan Jesus Rios ชายชาวเม็กซิกันอาศัยอยู่ข้างถนนซิวแดด ฮัวเรซ ตั้งแต่อายุ 14 ปี เขาเล่าว่า เขาเคยเป็นคนค้ายาเสพติดมาก่อน และต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักจากบาดแผลไฟคลอกจากการถูกลอบวางเพลิง แต่หลังจากที่ได้พบกับองค์กร Street Soccer Mexico ชีวิตของเขาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


“ผมรู้สึกหลงใหลและมีความสุขทุกครั้งที่เตะบอล นี่คือสิ่งหนึ่งที่ผมรักที่สุดในโลก และ ‘ผมภูมิใจมาก ๆ’ ที่ได้มาที่นี่” เขากล่าวขึ้น หลังจากทีมชายของเม็กซิโกเอาชนะแปดเกมแรกในคาร์ดิฟฟ์ และได้เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน 2019 ในที่สุด

แต่ละประเทศต่างก็มีวิธีการคัดเลือกที่แตกต่างกัน โค้ชบางประเทศเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุด โค้ชบางประเทศเลือกสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่าผู้เล่นคนนั้นมีความสามารถและมีแนวโน้มที่จะพัฒนาขึ้นไปได้อีกขั้น นอกจากประโยชน์ต่อผู้เล่นแล้วยังเป็นประโยชน์กับประเทศอีกด้วย

ส่วน Dennis Koopmans กองหลังและผู้รักษาประตูชาวดัตช์ เขามองว่าการแข่งขันครั้งนี้มีส่วนช่วยให้เขาเรียนรู้อะไรได้อีกเยอะพอ ๆ กับการลงเล่นฟุตบอล “ผมเหมือนยืนอยู่ในสังคมด้วยขาข้างเดียวมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ผมพร้อมจะกลับมายืนด้วยขาสองข้างของผมอีกครั้ง” เขากล่าว “ทุกคนที่นี่ล้วนมีภาระส่วนตัวกันทั้งนั้นและผมรู้สึกว่าทุกคน ‘เท่าเทียมกัน’ เหมือนกับว่าทุกคนในที่นี้มีความเข้าอกเข้าใจกัน ซึ่งเป็นอะไรที่เจ๋งมาก”


Mel Young ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิ Homeless World Cup กล่าวว่า สำหรับเขาการแข่งขันก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นในสังคม

“นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชีวิตของผู้เล่นหลายพันคน แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลต่อผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อผู้ชมการแข่งขันด้วยเช่นกัน” เขากล่าว “พวกเขาไม่ใช่คนไร้บ้านอีกต่อไป เมื่ออยู่ในสนาม พวกเขาคือ ‘นักฟุตบอล’ และทันทีที่การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น คุณจะลืมไปเลยว่าพวกเขาคือคนไร้บ้าน”


Michael Sheen นักแสดงและนักเคลื่อนไหวได้ทุ่มเงินของตัวเองหมดหน้าตักเพื่อจัดงานแข่งขันฟุตบอลโลกคนไร้บ้าน ที่ดูเหมือนว่าในอนาคตจะไม่มีผู้ให้การสนับสนุนอีกต่อไป

“ผมเห็นว่าจะมีคนจำนวนมากถึง 500 คน ที่จู่ ๆ ก็จะไม่ได้รับประสบการณ์ที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมรู้ว่าสิ่งนี้สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นทั้งในสังคมเองและต่อชีวิตคนไร้บ้าน” เขากล่าวและไม่รีรอที่จะทุ่มสุดตัวเพื่อให้งานยังคงดำเนินการต่อไปได้ โดยนำเงินในบัญชีของตัวเองออกมาสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ พร้อมทั้งดำเนินการกับธนาคารโดยตรงว่าเขาสามารถทำงานเพื่อชดเชยความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้

“ผมเห็นสายตาของผู้รักษาประตูชาวบัลแกเรียที่ร้องไห้อย่างหนัก หลังจากได้รับความพ่ายแพ้ และนี่จะอยู่ในความทรงจำของผมไปอีกนาน” Sheen กล่าว “นี่คือความหลงใหลที่แท้จริง” พลันเขาก็นึกถึงอีกเรื่องราวหนึ่งออก เขายังจำได้ดีถึงภาพหญิงสาวจากไอร์แลนด์เหนือ หลังจากที่เธอยิงทำประตูได้และวิ่งรอบสนามพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มที่คุณเห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้ “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยทำประตูมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เธอทำประตูให้ประเทศของเธอได้แล้ว”


ผู้คนต่างประทับใจในความทุ่มเทของ Sheen ที่พยายามทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเหลือคนไร้บ้านอย่างจริงจัง นอกจากนี้เด็ก ๆ ที่เข้าชมการแข่งขันก็ได้ให้คำสัญญากับเขาว่า ต่อไปนี้หากเจอคนไร้บ้านตามท้องถนน เขาจะเริ่มทำสิ่งดี ๆ โดยส่งรอยยิ้มให้พวกเขา ไม่ให้คนไร้บ้านต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

“สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนความคิดของผู้คนได้” Sheen กล่าว “ความคิดที่ว่าคนไร้บ้านเป็นกลุ่มคนที่ถูกกีดกัน หรือเป็นผู้ที่ต้องนั่งขอทานอยู่ตามถนน การตีตราเหล่านี้ถูกทำลายลงไปเมื่อคุณได้เห็นลีลาการเล่นฟุตบอลของพวกเขา และคุณก็พร้อมตะโกนเชียร์พวกเขาอย่างสุดกำลัง”


แม้ว่าในสนามแข่งคาร์ดิฟฟ์ 2019 ทีมชายอียิปต์จะเอาชนะทีมเวลส์ได้อย่างขาดลอย แต่ Wayne Ellaway โค้ชของทีมเวลส์ก็ยังคงยิ้มออกมาได้ และยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อทีมเวลส์สามารถทำแต้มจากประตูปลอบใจในนาทีสุดท้าย “นั่นทำให้ผู้ชมใจชื่นขึ้นมาไม่น้อย” เขากล่าว


Ellaway ยอมรับว่าตนก็มีปัญหาชีวิตที่รุมเร้า แต่โชคชะตาของเขากลับพลิกผันหลังจากเข้ามาเป็นโค้ชฝึกซ้อมให้ทีมเวลส์ “นี่เป็นวิธีหนึ่งที่ผมสามารถชดเชยความผิดพลาดในอดีตที่ผ่านมาให้กับครอบครัว เพื่อน และชุมชน สำหรับทุกสิ่งที่ผมเคยทำไม่ดีต่อพวกเขา” เขากล่าว

ภาพตรงหน้า Ellaway ตอนนี้คือ กลุ่มคนที่กำลังฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างสุดกำลัง และดูเหมือนว่าจะมีความสุขกับการเล่นไม่น้อย ซึ่งเมื่อก่อนคนกลุ่มนี้คือคนไร้ค่าในสายตาคนอื่น และแม้แต่พวกเขาเองก็ยังคิดกับตัวเองเช่นนั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาสามารถลุกขึ้นมายืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง หลังจากที่ถูกกีดกันออกจากสังคมมาอย่างยาวนาน “การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องมหัศจรรย์” เขากล่าวปิดท้าย

Ellaway ยอมรับว่า ยังคงมีบางส่วนของความทรงจำที่เข้ามาหลอกหลอนเขาอยู่เสมอยามเขาหลับตาลง และการจัดการแข่งขันที่ Bute Park ก็ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้เขาเป็นพิเศษ เพราะนี่คือสถานที่ที่เขาเคยอยู่ในจุดตกต่ำสุดในชีวิต “ผมเคยเดินไปรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้อย่างไร้จุดหมาย ผมไม่รู้อีกแล้วว่าผมต้องไปไหนหรือทำอะไร แต่ตอนนี้ผมกำลังทำหน้าที่โค้ชของทีมเวลส์อยู่ ซึ่งมันวิเศษมาก”


ที่มา


เรื่องโดย