Kind Journey

ทัวร์ไหว้พระนอนองค์ใหญ่ 5 วัด ที่อยุธยา สายบุญสายมูไม่มาไม่ได้แล้ว!



เอาใจสายบุญกับทริปทัวร์ไหว้พระที่เมืองแห่งตำนานอิฐเก่าอย่าง “พระนครศรีอยุธยา” หนึ่งในจังหวัดที่มีวัดจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย แถมยังเดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศนิยมเดินทางมากราบไหว้พระและสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันอย่างล้นหลาม 

แต่วันนี้เราไม่ได้จะพาไปไหว้พระที่วัดไหนก็ได้ เพราะเราจะพาไปทัวร์สุด Exclusive สำหรับวัดที่มี “พระนอน” หรือ “พระพุทธไสยาสน์” องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ จำนวน 5 วัดด้วยกัน! ซึ่งเชื่อกันว่าหากใครได้มาไหว้พระนอนจะทำให้มีชีวิตสุขสบายและช่วยเสริมสิริมงคล 

KiNd จะพาไปเยือนวัดไหนบ้าง มาติดตามพร้อม ๆ กันเลย!


✴︎
ทำไมต้องพระนอนองค์ใหญ่?


เคยสงสัยกันไหม? ว่าทำไมหลายวัดถึงมีพระพุทธรูปองค์โต ๆ โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ภายใน เราจะมาไขข้อข้องใจกันแบบฉบับย่นย่อ สำหรับที่มาของคติการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่นั้น เพื่อสะท้อนแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน และการแสดงถึงความรุ่งเรืองของบ้านเมืองในหลาย ๆ ด้าน อาทิ ด้านเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงการแสดงถึงอำนาจของผู้สร้าง และบารมีของกษัตริย์ผู้ปกครอง เรียกว่าเป็นการสะท้อนความรุ่งเรืองของบ้านเมืองออกมาในรูปแบบงานพุทธศิลป์นั่นเอง

ส่วนอีกหนึ่งเหตุผลคือความเชื่อเรื่องการบูชารอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพระพุทธเจ้าพระองค์จริงอาจจะมีสรีระที่ใหญ่โตตามรอยพระบาทก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีการสร้างพุทธปฏิมาให้เท่าสรีระจริงของพระพุทธเจ้านั่นเอง ทั้งสองข้อถือเป็นข้อสันนิษฐานที่กลายเป็นคตินิยมในการสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ในอดีตกาลจวบจนปัจจุบัน

หนึ่งในปางที่นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่คือ “ปางไสยาสน์” (บ้างก็เรียกว่าปางโปรดอสุรินทราหู หรือปางปรินิพพาน) ซึ่งเราเรียกกันทั่วไปว่า “พระนอน” เป็นพระพุทธรูปที่อยู่ในอิริยาบถนอนตะแคงขวา พระบาททั้งสองข้างซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนย (หมอน) รองรับ อีกทั้งยังเป็นพระพุทธรูปประจำวันอังคาร

สำหรับแนวคิดแฝงของการสร้างก็เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้รำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานของพุทธเจ้า ขณะเดียวกันก็เพื่อเตือนใจให้ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ให้ตระหนักว่าสังขารทั้งหลายเป็นสิ่งไม่เที่ยง แม้กระทั่งพระพุทธองค์ก็ยังเลี่ยงไม่พ้น 

รู้ประวัติกันคร่าว ๆ แล้ว ก่อนจะเดินทางไปแต่ละวัด ขอแนะนำกันสักนิดว่าอุปกรณ์คู่ใจที่ควรจะพกพาไปด้วยก็คือ หมวกหรือร่ม ถ้ามีพัดลมมือถือด้วยจะดีมาก และอย่าลืมทาครีมกันแดดให้เรียบร้อยแบบพร้อมลุย เพราะสภาพอากาศที่อยุธยาอาจร้อนสุดใจ 

1
พระนอนที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา
@วัดโลกยสุธา

หมุดหมายแรกของวัน ชวนกันมาที่ “วัดโลกยสุธา” ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ในรัชสมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช (พระราชบิดาของเจ้าสามพระยา) ราวปี พ.ศ. 1995 วัดนี้โดดเด่นด้วยพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ก่ออิฐถือปูน มีความยาวกว่า 42 เมตร และสูงถึง 8 เมตร 

เล่ากันว่า แต่เดิมวัดนี้มีชื่อว่าวัดสุทธาวาส ต่อมาในช่วงอยุธยาตอนปลาย ผู้คนเรียกขานกันว่าวัดโลกสุธา หลังจากเสียกรุงครั้งที่สอง มีหลักฐานปรากฏว่าผู้คนเรียกวัดนี้ว่าวัดโลกยสุธา เมื่อพระยาโบราณราชธานินทร์เข้ามาสำรวจจึงบันทึกชื่อวัดร้างแห่งนี้ว่าวัดโลกยสุธาราม โดยคำว่า “โลกย” มาจากคำว่าโลกิยะ หมายถึง ของโลก ส่วน “สุธา” มีความหมายว่า น้ำอมฤต และ “อาราม” หมายถึง วัด โลกยสุธารามจึงหมายถึง “วัดที่เปรียบเสมือนน้ำอมฤตของโลก”

ปัจจุบัน วัดโลกยสุธารามทรุดโทรมไปตามกาลเวลา บริเวณวัดมีเพียงพระปรางค์ประธานและพระนอนเท่านั้นที่ยังมีเค้าลางความสมบูรณ์ ส่วนโบสถ์ กำแพงแก้ว วิหารหลวง และอื่น ๆ ล้วนพังลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงฐานเท่านั้น



2
สักการะพระพุทธรรมิกราชมหาลาภอุดม
ที่วัดธรรมิกราช

มาต่อกันที่วัดที่สองคือ “วัดธรรมิกราช” ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าวาสุกรี ภายในวัดมีพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ที่มีชื่อว่า “พระพุทธรรมิกราชมหาลาภอุดม” สร้างแบบก่ออิฐถือปูน มีความยาวประมาณ 12 เมตร หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ตามตำนานเล่าว่า พระอัครมเหสีในสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ทรงตั้งจิตอธิษฐานว่า หากพระราชโอรสหายจากอาการประชวรหนัก ก็จะทรงสร้างพระพุทธไสยาสน์ถวายเป็นพุทธบูชา นอกจากนี้ น้ำพระพุทธมนต์ในพระวิหารนี้กล่าวกันปากต่อปากมาว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก นักท่องเที่ยวนิยมนำน้ำกลับไปบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล


3
วัดเสนาสนาราม
ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ต่างถิ่น



“วัดเสนาสนาราม” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวรอ เดิมเรียกว่า “วัดเสื่อ” ภายในมีพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ซึ่งเป็นศิลปะแบบอยุธยา ประกอบด้วยศิลาที่นำมาต่อเรียงกันแล้วสลักเป็นองค์พระ มีขนาดยาวประมาณ 14.2 เมตร แต่เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระมหาธาตุ กรุงเทพฯ แต่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวิหารพระนอนขึ้นในวัด แล้วอัญเชิญพระพุทธไสยาสน์จากวัดพระมหาธาตุมาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ นอกจากนี้ ยังมีพระวิหารพระอินทร์แปลง พระพุทธรูปสำคัญอีกหนึ่งองค์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้เชิญมาจากเมืองเวียงจันทน์เมื่อปี พ.ศ. 2401 ให้สักการะบูชาด้วย จะช่วยเสริมชะตาชีวิตให้เป็นสิริมงคล และประสบผลสำเร็จตามปรารถนา


4
พระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานในวิหารโปร่ง
ที่วัดพนมยงค์

“วัดพนมยงค์” ป็นวัดเก่าสมัยอยุธยาตอนกลาง ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าวาสุกรี ตามตำนานเล่าว่าวัดนี้เป็นนามของแม่นมของพระมหากษัตริย์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเป็นสวนหลวงของแม่นมยงค์ซึ่งเป็นคนดี ยึดถือในคุณธรรม ขยันต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย จึงเป็นที่โปรดปรานขององค์พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้น ต่อมาเมื่อแม่นมยงค์ชราภาพลงและสิ้นอายุขัย พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้นจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้น

ภายในวัดมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ทำด้วยปูนปั้น พุทธลักษณะคล้ายศิลปะสมัยสุโขทัยประดิษฐานอยู่ในพระวิหารโปร่ง คือมีฝาผนังตันที่ด้านหัวและท้ายของตัววิหารชั้นเดียว ผนังสองข้างโปร่ง ซึ่งหลังจากเสียกรุงในปี พ.ศ. 2310 วัดพนมยงค์ได้ชำรุดทรุดโทรมและมีการปฏิสังขรณ์โบสถ์วิหารขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 5 เชื่อกันว่าใครที่มากราบไหว้จะได้โชคลาภและหายจากอาการเจ็บป่วย 


5
วัดพุทไธศวรรย์
กับพระนอนเก่าแก่กว่า 600 ปี

ปิดท้ายด้วยการพาไปไหว้พระนอนอันเก่าแก่กว่า 600 ปี ที่ “วัดพุทไธศวรรย์” ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางด้านทิศตะวันตก ตำบลสำเภาล่ม องค์พระนอนสร้างแบบก่ออิฐถือปูน พระเศียรหันไปทางทิศตะวันตก หันพระพักตร์ไปทางทิศใต้ มีขนาดความยาวประมาณ 10 เมตร และมีพุทธลักษณะพิเศษแตกต่างจากพระนอนที่วัดอื่น ๆ คือ มีการวางพระบาทเหลื่อมกัน พระวิหารเปิดโล่งส่วนหลังคา ส่วนด้านข้างมีลักษณะเป็นซากปรักหักพัง ผู้ที่มาสักการะเชื่อว่าจะทำให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับพระนอน 5 วัดในตัวเมืองอยุธยา เส้นทางสายบุญที่เดินทางได้ง่าย ๆ เรียกว่าอิ่มอกอิ่มใจตลอดทริป แม้ว่าวันนี้ KiNd จะหยิบยกกันมาเพียง 5 วัด แต่หากใครยังไม่จุใจ ในอยุธยายังมีพระนอนที่ประดิษฐานอยู่อีกหลายวัดเลย อาทิ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดสามวิหาร และวัดสะตือ เป็นต้น นอกจากจะได้ไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแล้ว ยังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของไทย และเพลิดเพลินไปกับการชมโบราณสถานอันเก่าแก่ไปในตัวอีกด้วย บอกเลยว่าคุ้มสุด ๆ 


ที่มา


เรื่องและภาพโดย