Kind Eyes

การต่อสู้ดิ้นรนของชาว LGBT ที่ไม่เคยจบสิ้น

*บทความต่อไปนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน/ หรือหลายส่วนของภาพยนตร์*

Hidden Kisses/ Baisers Cachés

2016 ‧ Drama/ Television ‧ 1h 27m ‧France

เป็นหนังแนว coming of age (การเติบโตก้าวผ่านช่วงวัยสำคัญของชีวิต จากเด็กสู่การเป็นผู้ใหญ่) จากประเทศฝรั่งเศส ที่ดูว่าน่าจะเป็นหนังธรรมดา ๆ เพราะไม่ใช่หนังรางวัลอะไร แต่เมื่อได้ดูแล้วกลับต้องยกนิ้วให้กับบทที่คลุกเคล้าด้วยความหอมหวาน ผสานความเย็นชา เหมือนเอาน้ำหวานราดรดลงบนท่อนเหล็กที่ไร้หัวใจอย่างไรอย่างนั้น

การแสดงของนักแสดงรุ่นเยาว์ในหนังนั้นเรียกได้ว่าฝีมือเกินตัวไปมาก สามารถเอาหนังอยู่ทั้งเรื่อง สะท้อนให้เห็นความเจ็บปวดจริงจากก้นบึ้งของหัวใจ

หนังพาเราไปดูชีวิตของหนุ่มน้อยสองคนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส คือ “นาธาน” (Bérenger Anceaux) วัยรุ่นอายุ 16 หน้าตาคมคาย อาศัยอยู่กับพ่อที่เป็นนายตำรวจใหญ่ประจำท้องที่ เพราะแม่เสียไปตั้งแต่เขายังเด็ก พ่อรักนาธานมาก และพยายามเลี้ยงดูลูกอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ลูกชายตัวเองจะมีใจชอบผู้ชายด้วยกัน

และ “หลุยส์” (Jules Houplain) เพื่อนร่วมชั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งมีชีวิตครอบครัวที่ดูสมบูรณ์แบบ มีพ่อเป็นนายแพทย์ฐานะดี แต่มีบุคลิกความเป็นจอมบงการ ซึ่งสนับสนุนลูกให้รักการต่อยมวย ถึงกับเป็นโค้ชด้วยตัวเอง แต่ลึก ๆ แล้วเขามีทัศนคติเกี่ยวกับรักร่วมเพศเชิงลบสุด ๆ และอยากให้สิ่งนี้หายไปจากโลก แม้จะต้องใช้ความรุนแรงเข้าห้ำหั่นก็ตาม ส่วนแม่ของหลุยส์ก็เป็นแม่บ้านที่ดูแลลูก ๆ  สามีว่าอะไรก็ต้องว่าตาม ตัวหลุยส์เองก็มีแฟนสาวหน้าตาจิ้มลิ้มซึ่งเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดสำหรับหนุ่มน้อยผู้นี้… จนกระทั่งการปรากฏตัวของนาธาน

จุมพิตแห่งความยุ่งยาก

นาธานเข้ามาในโรงเรียนในฐานะนักเรียนที่ย้ายมาใหม่ช่วงมิดเทอม เมื่อเห็นหน้าหลุยส์ครั้งแรกก็ตกหลุมรักแบบ love at first sight ทันที และมั่นใจว่าเรดาร์เกย์ของตัวเองแม่นยำ หลุยส์ต้องใช่แน่ ๆ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มติดต่อกันอย่างลับ ๆ ผ่านการส่งข้อความถึงกันและกันตลอด

ความเข้มข้นของหนังเริ่มขึ้นเมื่อนาธานได้รับเชิญให้ไปงานปาร์ตี้ของห้องที่เต็มไปด้วยเหล้ายาแบบวัยรุ่นฝรั่ง ด้วยฤทธิ์อำนาจของแอลกอฮอล์ทำให้ทั้งคู่หลบไปแลกจูบตามประสาชายรักชายอย่างนัวเนียในสวน แต่ชะตาเจ้ากรรมดันเล่นตลก เมื่อมีคนแอบถ่ายทั้งคู่และนำรูปไปโพสต์บน blog ที่ใคร ๆ ก็เข้าไปดูได้ โดยใบหน้าของนาธานปรากฏชัดเจนบนรูปนั้น ซึ่งคนโพสต์รูปก็คือ ลูกสาวของเพื่อนร่วมงานของพ่อนาธาน และคนที่ได้เห็นรูปนาธานจูบผู้ชายคนแรกคือพ่อของนาธานเองอีกด้วย

เช้าวันต่อมาพ่อถามนาธานเรื่องนี้ เขาแก้ตัวด้วยการบอกว่าดื่มมากไปนิดเลยเมา และทำไปเพราะอยากสนุก อยากเรียกร้องความสนใจสาว ๆ ในโรงเรียนเท่านั้น แต่เรื่องนี้ที่โรงเรียนกลับไม่จบ และความเลวร้ายก็เริ่มต้นขึ้น


ความรุนแรงที่หลายคนอาจเคยเจอ

นาธานต้องเจอกับการล้อเลียน การ bully การทำร้ายร่างกายจนเลือดตกยางออกจากเพื่อนร่วมโรงเรียนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่หลุยส์ยังรอดตัว เพราะมีแฟนสาวเป็นกันชนให้ และปฏิเสธตัวเองด้วยการกล่าวโทษนาธานว่าหลงรักเขาและได้ตามตื๊อเขาตลอดตั้งแต่โผล่หน้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้ หลุยส์ประกาศความเป็นชายแท้ของตัวเองเพื่อการหนีปัญหาด้วยการลงมือทำร้ายร่างกายนาธานอย่างรุนแรง

มีเพียงครูชายคนหนึ่งในโรงเรียนที่เป็นห่วงนาธานและพยายามหาทางช่วย โดยการไปขอให้เพื่อนครูด้วยกันที่เป็นสาววัยกลางคน ซึ่งนอกโรงเรียนก็เป็นเพื่อนของตนเองที่เป็นเลสเบี้ยน ลุกขึ้นมาช่วยปกป้องนาธาน แต่ถูกปฏิเสธเพราะความเกรงกลัวต่อมาตรฐานของสังคมที่กดทับ ไหนจะผู้อำนวยการโรงเรียนที่กังวลเรื่องการรับมือกับผู้ปกครองซึ่งหวาดกลัวรักร่วมเพศ จนสั่งห้ามไม่ให้ครูทั้งสองพูดประเด็นรักร่วมเพศในชั้นเรียนอีก ทำให้ทุกข์ของ นาธานไม่ได้รับการปลดเปลื้องบรรเทาเลยแม้แต่น้อย

ประโยคหนึ่งที่ครูผู้หญิงพูดกับเพื่อน ซึ่งชวนฉุกคิดและสะเทือนใจไม่น้อยก็คือ “นายคิดว่าการที่ฝรั่งเศสมีกฎหมายให้คนรักเพศเดียวกันแต่งงานกันได้จะช่วยให้การเกลียดกลัวเกย์หายไปจริง ๆ เหรอ?” สะท้อนให้เห็นว่าจะอย่างไรสังคมก็ไม่กล้าจะยอมรับความแตกต่างของรสนิยมและเพศวิถีแบบเต็มร้อยอยู่ดี



แต่ท้ายสุดแล้วก็เป็นครูสาววัยกลางคนผู้นี้ที่รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ถ่ายทอดเรื่องราวแต่หนหลังของตนหน้าชั้นเรียนให้นักเรียนฟังถึงความทุกข์เมื่อตนเองค้นพบว่าชอบผู้หญิงด้วยกัน เพียงหวังให้นักเรียนคนอื่นคิดตามได้ แต่ผลตอบแทนทีได้รับจากความหวังดีนี้ คือ การถูก bully ไปอีกคน ครูสาวก็เลยตัดสินใจปลดแอกพันธนาการความกลัวด้วยการจูบคนรักเพศเดียวกันโชว์หน้าโรงเรียนเสียเลย

ภาพที่หนังนำเสนออาจทำใจยอมรับได้ยากว่ามีเด็กคนหนึ่งที่ถูกทำรายร่างกายจนเลือดตกยางออก แต่ผู้คนรอบตัวเขากลับมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้เพียงน้อยนิด แต่จะว่าไปสิ่งนี้อาจเคยมีอยู่จริงหรือยังคงมีอยู่ในชุมชนสังคมเล็ก ๆ ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ก็เป็นได้

ชีวิตที่ไม่จบแบบ Happy Ending แต่ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น

ความโชคร้ายของนาธานได้ผ่อนคลายลงเมื่อพ่อที่รักลูกเหลือเกิน ได้พยายามทำความเข้าใจลูกผ่านมุมมองต่าง ๆ จนสามารถยอมรับตัวนาธานได้อย่างที่เขาเป็น -ขณะที่ชีวิตของหลุยส์กลับดำดิ่ง เมื่อพ่อของเด็กชายไม่สามารถสลัดภาวะ homophobia ในตัวได้เลยแม้แต่น้อย เขาจับได้ว่าลูกเป็นเกย์เพราะแอบเอาแลปท็อปลูกมาดูและพบหนังชายรักชายติดเรท รวมทั้งโทรศัพท์มือถือที่หลุยส์ซ่อนไว้ที่มีข้อความส่งหาแต่นาธาน เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการขังลูกชายไว้ในห้อง และกระทั่งห้ามน้องชายตัวเล็กของหลุยส์เข้าใกล้พี่ชาย เพราะกลัวว่าเชื้อพันธุ์แห่งความเป็นเกย์จะติดลูกคนเล็กไปอีกคน

หลุยส์ไม่สามารถหาทางออกให้กับเรื่องนี้ได้ จึงคิดกระโดดสะพานสังเวยทุกข์เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่นาธานและพ่อไปห้ามเอาไว้ทัน ดราม่าของครอบครัวหลุยส์ลงเอยด้วยการที่แม่ซึ่งตระหนักว่ากำลังทำร้ายลูกอย่างหนักได้ขอเป็นฝ่ายออกจากชีวิตพ่อ พร้อมพาลูก ๆ ย้ายไปอยู่บ้านของแม่ตัวเองอีกเมือ

เมื่อเวลาล่วงเลยไปหลุยส์เองได้กลับมาขึ้นชกมวย (และแน่นอนมีนาธานมารอต้อนรับที่สถานีรถไฟด้วยความตื่นเต้น) พ่อของหลุยส์ก็ได้ตามมาดูที่เวทีและให้กำลังใจเช่นกัน แต่กระนั้นหนังก็ไม่ได้เฉลยว่าพ่อเข้าใจหรือยอมรับเพศวิถีของลูกหรือไม่

จนมาถึงฉากสุดท้ายที่หนังได้เฉลยทิ้งทวนอย่างทรงพลังในแบบที่ควรจะเป็น  เมื่อหลุยส์ตามพ่อมาที่รถ และถามพ่อว่าภูมิใจในตัวเขาหรือไม่ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบใด ๆ จากผู้เป็นพ่อนอกจากการปิดกระจกรถใส่ และขับรถหนีความจริง ลูกน้อยจึงได้ยืนแต่ตะโกนถามคำถามนั้นซ้ำ ๆ อย่างปวดใจที่สุดแน่นอนว่าพ่อต้องภูมิใจที่ลูกชกมวยชนะสมชายชาตรี แต่ก็มิอาจทนยอมรับตัวตนของลูกได้ และนี่อาจเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่าในโลกของคนรักเพศเดียวกันชีวิตของพวกเขาไม่ได้ถูกออกแบบมาให้สุขสมหวังเสมอไป

และถึงเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร? เด็กทั้งสองจะได้ครองรักกันหรือไม่? และทุกคนจะเข้าใจและกล้าเปิดใจยอมรับความหลากหลายทางเพศหรือไม่นั้น? ความเจ็บปวดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และอาจนำไปสู่จุดจบที่ทุกคนอาจเสียใจไม่รู้ลืม

หนังทำให้เราฉุกคิดได้ว่าสถาบันครอบครัวคือรากฐานที่สำคัญมาก หากครอบครัวไม่เข้าใจบุตรหลานก็คงไม่มีที่อื่นใดอีกแล้วสำหรับพวกเขาบนโลกใบนี้ที่จะยืนหยัด ทั้งยังสะกิดให้เราคิดว่า จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเราจะพยายามสักนิดที่จะรักและเข้าใจคนอื่นอย่างที่เรารักตัวเอง เพื่อที่ว่าโลกใบนี้จะมีแต่ความสงบสุขไร้ความเกลียดชัง

Be KiNd at Heart.


เรื่องโดย