Kind Words

Winnie The Pooh ปรัชญาชีวิตจากหมีสมองน้อย

“พูห์… สัญญาว่านายจะไม่ลืมฉัน… แม้ตอนนั้นจะฉันอายุหนึ่งร้อยปี”

พูห์คิดนิดหนึ่ง

“ฉันจะอายุเท่าไหร่ตอนนั้น”

ในโลกของเพื่อนในจินตนาการ (Imaginary friend) “หมี” เป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อาจเพราะลักษณะทางกายภาพที่กลมบ็อกขนปุกปุย และใบหน้าที่จิ้มลิ้ม (ถึงแม้ความจริงหมีจะค่อนข้างดุสักหน่อย) ดังนั้นเมื่อหนังสือ “วินนี เดอะพูห์” (Winnie the Pooh) ออกสู่สายตาชาวโลก ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นใจถึงที่สุด เพราะใคร ๆ ก็รักหมี

Winnie the Pooh เป็นหนึ่งในหนังสือชุดหมีพูห์ ซึ่งประกอบด้วย Winnie the Pooh (วินนี เดอะพูห์), The House at Pooh Corner (บ้านมุมพูห์), When We Were Very Young (กวีนิพูห์ 1) และ Now We Are Six (กวีนิพูห์ 2) ประพันธ์โดย เอ. เอ. มิล์น (A.A. Milne หรือ Alan Alexander Milne ค.ศ. 1882 – ค.ศ. 1956) นักเขียนชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นพ่อจริง ๆ ของเด็กชาย Christopher Robin หนูน้อยที่มีตัวตนจริงที่เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญในหนังสือ และรักหมี (กึ่ง) ในจินตนาการของตัวมาก

วรรณกรรมเยาวชนอบอุ่นใจ (ที่แท้จริงแล้วเป็นหนังสือปรัชญาที่แฝงตัวมาในรูปหนังสือเด็ก) เล่มนี้ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1926 และกลายเป็นหนังสือเด็กที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ปัจจุบันมียอดขายสูงกว่า 70 ล้านเล่ม และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศกว่า 46 ภาษา ส่วนภาพประกอบลายเส้นในหนังสือเล่มนี้เป็นฝีมือของ Ernest H. Shepard ศิลปินและนักวาดภาพประกอบชาวอังกฤษ

มีใครบ้างใน Winnie The Pooh

Winnie The Pooh เขียนขึ้นจากนิทานที่ผู้ประพันธ์เล่าให้ลูกชายฟังก่อนนอน เนื้อหากล่าวถึงมิตรภาพระหว่างเด็กชายคริสโตเฟอร์ โรบินและผองเพื่อนสัตว์ในจินตนาการ ประกอบด้วย

  • Winnie the Pooh ตัวเอกของเรื่อง เป็นหมีใสซื่อมองโลกในแง่ดีแบบเด็ก ๆ คิดอะไรง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน รักการกินน้ำผึ้งเป็นชีวิตจิตใจ ชอบแต่งกลอน แต่งเพลง แล้วก็ร้องเอง เป็นหมีที่มีความคิดแปลก ๆ ซึ่งอาจเป็นความคิดที่คนอื่นอาจมองข้ามไป แต่สามารถนำมาแก้ปัญหาให้จบลงด้วยดีทุกทีไป และชอบบอกทุกคนว่าตัวเองสมองน้อย (แต่จริง ๆ พูห์เป็นหมีปรัชญาหาตัวจับยากทีเดียว) 
  • Piglet หมูจิ๋วสีชมพูผู้อ่อนโยนและถ่อมตัว ค่อนข้างขาดความมั่นใจในตัวเองและสนิทกับพูห์มาก
  • Eeyore ลาสีเทาจอมหดหู่และคร่ำครวญกับชีวิตได้ตลอดเวลา แต่เนื้อแท้นั้นแสนโอบอ้อมอารี 
  • Tigger เสือร่าเริงจอมกระโดดและโกรธใครไม่เป็น ชีวิตของทิกเกอร์เต็มไปด้วยความสนุกสนานอยากจะเล่นกับทุกคนตลอด แต่ติดจะชอบโอ้อวดพูดอะไรเกินจริงซักหน่อย
  • Owl ผู้ดูทรงภูมิและพูดอะไรยาว ๆ ใช้คำยาก ๆ เข้าใจก็ยาก (แต่ไม่เคยสะกดตัวหนังสือถูกเลยสักคำ)
  • Rabbit กระต่ายขี้โมโหและตื่นตูม ผู้มีแปลงปลูกผักขนาดใหญ่ของตัวเองที่เขาหวงมาก มีความเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง
    แบบสุด ๆ แต่ก็พลาดบ่อย แต่เขาก็ยอมรับกับความผิดพลาดของเขาเสมอ
  • Kanga แม่จิงโจ้ผู้ใส่ใจทุกคน มีบุคลิกอ่อนโยน โอบอ้อมอารี เข้าอกเข้าใจ และมักจะทำอาหารให้ผู้อื่นเสมอ
  • Roo ลูกจิงโจ้น้อยจอมซนของคุณแม่จิงโจ้ แคงก้า น้องเล็กสุดของป่า เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กน้อย

หมีพูห์เป็นหมีที่มีตัวตนจริงผสมกับจินตนาการ

ต้นกำเนิดของหมีพูห์นี้น่าสนใจ โดยเริ่มจากที่ร้อยโท Harry Colebourn สัตวแพทย์ประจำกองกำลังทหารม้าแคนาดาได้ไปซื้อหมีน้อยตัวหนึ่งมาจากนายพราน และตั้งชื่อว่า วินนีเปก (Winnipeg) ตามชื่อเมืองที่เป็นบ้านเกิดเขาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914 –
ค.ศ. 1918) ต่อมาเมื่อ Harry ต้องเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ณ ประเทศฝรั่งเศส เขาจึงฝากหมี Winniepeg ไว้ให้สวนสัตว์ลอนดอนดูแล

ด้วยความเชื่อง อ่อนโยน และขี้เล่นของมัน Winniepeg ได้กลายเป็นขวัญใจของผู้คนมากมาย หนึ่งในนั้นคือ เด็กชาย Christopher Robin ที่หลงรักหมีตัวนี้สุด ๆ โดยเขามักเข้าไปเล่นในกรงกับมันเสมอ และเขาก็รักหมีตัวนี้มากจนถึงกับเปลี่ยนชื่อตุ๊กตาหมีที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเป็น Winnie the Bear

นอกจากหมีน้อย Winnie แล้ว Christopher ยังมีเพื่อนในป่า Ashdown ซึ่งเป็นหงส์ตัวหนึ่งที่เขาเรียกมันว่า Pooh วันหนึ่งเมื่อหงส์ Pooh หายไป เขาก็ได้เปลี่ยนชื่อตุ๊กตาหมีของเขาใหม่ว่า Winnie the Pooh เพื่อเป็นการรำลึกถึงหงส์ตัวนั้น

ต่อมา Alan Alexander Milne พ่อของ Christopher Robin ได้แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่อง Winnie the Pooh โดยนำหมี Winnie มาเป็นตัวเดินเรื่อง และร้อยเรียงบรรดาตุ๊กตาของเล่นต่าง ๆ ของลูกชายมาใส่ไว้ในเรื่อง อันประกอบด้วย Piglet, Tigger, Eeyore, Rabbit, Owl Kanga และ Roo โดยมีป่า 100 เอเคอร์ เป็นดินแดนพิเศษที่ทุกเรื่องราวดำเนินไป

ป่า 100 เอเคอร์คือดินแดนแห่งความสุข

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในป่า 100 เอเคอร์ ซึ่งเป็นป่าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากป่า Ashdown ในเมือง East Sussex ประเทศอังกฤษ โดยมีเด็กชาย Christopher Robin รับบทเป็นมนุษย์คนเดียวในป่าแห่งนี้ เขาเป็นเด็กชายผู้อ่อนโยนและเป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลายในป่า รวมทั้งเป็นที่พึ่งพิงของทุกคนเมื่อเกิดปัญหาที่แก้ไม่ตก

ป่า 100 เอเคอร์เปรียบเหมือนสังคมที่เด็กน้อยหลายบุคลิกอาศัยอยู่ร่วมกัน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน และมีความขัดแย้งบ้างตามประสาเด็ก ๆ  แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้เสมอ เพราะมุมมองและวิธีคิดแบบซื่อ ๆ ที่หลายครั้งก็แฝงด้วยปรัชญาลึกซึ้งอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะหมีพูห์ที่มีวิธีคิดถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างน่าเอ็นดู ชวนให้คนอ่านยิ้มออกมาจากข้างใน

เสน่ห์อีกประการของวรรณกรรมเยาวชนแฝงปรัชญาเล่มนี้คือ การตั้งใจสะกดคำให้ผิดเพราะเป็นภาษาเด็ก และมีการสร้างคำน่ารัก ๆ หลายคำที่เป็นภาษาเด็กเช่นกัน ความท้าทายจึงเกิดขึ้นกับฉบับแปล ที่ต้องรักษา mood and tone ของต้นฉบับไว้ให้ได้  

เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในป่าแห่งนี้คือ โลกของเด็กที่มีตั้งแต่การเผจญภัยเล็ก ๆ การให้กำลังใจกันและกัน การทำความเข้าใจโลกอย่างเรียบง่ายผ่านมุมมองของความไร้เดียงสา การเติบโตและการจากลาเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างซาบซึ้งตรึงใจ

ปรัชญาเล็ก ๆ จากพูห์และเพื่อน

“Some people care too much. I think it’s called love.”

“การที่เราใส่ใจใครมาก ๆ ฉันคิดว่านั่นคือความรักนะ”

“A day without a friend is like a pot without a single drop of honey left inside.”
“วันไหนที่ไม่มีเพื่อน ก็เหมือนโถที่ไม่มีน้ำผึ้งเหลืออยู่แม้สักหยดเดียว”

“If you live to be a hundred, I want to live to be a hundred minus one day so I never have to live without you.”
“หากเธอมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100 ปี ฉันก็ขออยู่ได้ 100 ปีลบหนึ่งวัน ฉันจะได้ไม่ต้องอยู่โดยไม่มีเธอ

“A day spent with you is my favourite day. So today is my new favourite day.”
“วันที่ฉันอยู่กับเธอ คือวันที่ฉันชอบที่สุด และวันนี้ ก็เป็นวันที่ฉันชอบที่สุดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง”

“If the person you are talking to does not appear to be listening, be patient. It may simply be that he has a small piece of fluff in this ear.”
“ถ้าเรากำลังพูดกับใครแล้วดูเหมือนเขาไม่ฟัง ก็เย็นไว้ก่อน เพราะมันอาจจะมีบางอย่างอุดหูเขาอยู่ก็ได้”

“I think we dream so we don’t have to be apart for so long. If we’re in each other’s dreams, we can be together all the time.”
“ฉันคิดว่าที่เราฝัน ก็เพื่อที่จะไม่ต้องห่างกันนาน ๆ เพราะถ้าเราต่างก็ฝันถึงกัน เราก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา

หากจะมีหนังสือดี ๆ สักเล่มที่อ่านสนุก อบอุ่นหัวใจ ได้แง่คิดเชิงปรัชญาที่แฝงอยู่ในความเรียบง่าย และเหมาะทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ Winnie The Pooh คือหนึ่งในหนังสือที่ KiNd จะแนะนำเป็นอันดับต้น ๆ… ลองอ่านดูสิ แล้วคุณจะหลงรักเจ้าหมีสมองน้อยอย่างแน่นอน


เรื่องโดย

ภาพประกอบ

วินนี เดอะพูห์ (ฉบับสมบูรณ์)
สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน

ผู้แปล: ธารพายุ