Kind Places

6 สถานที่แม่ ๆ แห่งเมืองเหนือ ที่สายเที่ยวไม่ควรพลาด!

กรุ่นกลิ่นความรักความอบอุ่นกำลังอบอวลตลอดเดือนสิงหาคม เมื่อเทศกาลวันแม่หวนกลับมาเยือนอีกครั้ง ปีนี้ถ้าใครยังไม่มีแพลนชวนแม่ไปไหน ลองชวนแม่ไปแอ่วเหนือหน้าฝนกับสถานที่ที่มีชื่อสัมพันธ์กับคำว่า “แม่” กันสักหน่อย ไม่รู้ว่าทุกคนเคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมชื่ออำเภอหรือสถานที่ส่วนใหญ่ในภาคเหนือถึงมีคำว่า “แม่” อยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นแม่ริม แม่ออน แม่สะเรียง แม่สา แม่ปิง แม่สาย แม่แตง และอีกมากมาย

วันนี้ KiNd จะพาไปไขข้อข้องใจกันพอสังเขป พร้อมคัดสถานที่ท่องเที่ยวแม่ ๆ สุดพิเศษให้สายเที่ยวได้ลองไปเยี่ยมเยือนกันถึง 6 แห่ง ว่าแต่จะมีแม่ไหนบ้างตามมาดูพร้อมกันเลย!

1

สัมผัสวิถีสโลว์ไลฟ์ท่ามกลาง
ธรรมชาติที่ “แม่กำปอง”

สถานที่ (แม่) แรกที่เราจะพาไปเที่ยวคือ “แม่กำปอง” เรียกว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตฮิตของจังหวัดเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเดินทางไปเที่ยวกันอย่างล้นหลาม แม่กำปองเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขาและป่าไม้ในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ที่มาของชื่อหมู่บ้านมาจากคำว่า “แม่” ที่หมายถึงแม่น้ำ ส่วนคำว่า “กำปอง” คือต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีดอกสีเหลือง-แดง ขึ้นอยู่ตามข้างลำธารของหมู่บ้าน ความเป็นอยู่ของผู้คนในชุนแห่งนี้เน้นความเรียบง่าย พึ่งพาอาศัยตามวิถีธรรมชาติ โดยเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และโฮมสเตย์ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539

สถานที่ท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านที่ต้องปักหมุดไปให้ได้คือ “วัดคันธาพฤกษาหรือวัดแม่กำปอง” เป็นวัดเดียวในหมู่บ้านที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบภาคเหนือ วิหารหลังเก่าเป็นไม้ทั้งหลัง หน้าจั่วหลังคาวัดแกะสลักจากไม้สักเป็นลวดลายแบบล้านนา และโดดเด่นด้วยพระอุโบสถที่ตั้งอยู่กลางลำธารที่ไหลผ่านหมู่บ้าน และหากเดินลึกเข้าไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตรจะพบกับ “น้ำตกแม่กำปอง” ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดเล็ก แต่มีจำนวนชั้นมากถึง 7 ชั้น ให้นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติได้ดื่มด่ำความสวยงามอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ภายในหมู่บ้านได้เปิดให้บริการที่พักหลายแห่ง รวมถึงร้านค้า ร้านกาแฟ และมีจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นด้วย หากใครอยากพาแม่มาสัมผัสบรรยากาศเนิบช้าอันทรงเสน่ห์ ต้องลองมาเยือนหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้แล้วล่ะ


2

เรียนรู้วิถีช้างอย่างใกล้ชิดที่
“ปางช้างแม่สา”

“ปางช้างแม่สา” เป็นศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2519 ถือเป็นหมู่บ้านช้างที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของไทย และเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย โดยปางช้างแม่สาได้สร้างสรรค์โปรแกรมการท่องเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณที่ดีที่สุด

ตัวอย่างกิจกรรม เช่น บ้านควาญช้าง คือการเรียนรู้วิถีชีวิตแบบควาญช้าง ศึกษาความเป็นอยู่ของช้าง การดูแลช้าง วิธีการขี่ช้าง การอาบน้ำให้ช้าง และการทำงานศิลปะกับช้าง เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมร่วมกับเหล่าช้างตัวใหญ่ได้แบบใกล้ชิดสุด ๆ

นอกจากนี้ ภายในปางช้างยังมีร้านกาแฟ ร้านค้า และร้านขายของที่ระลึกของชนเผ่า เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย สำหรับใครที่แอบสงสัยว่าชื่อปางช้างแม่สานั้นมีที่มาจากอะไร แม้จะไม่มีข้อมูลอ้างถึงอย่างชัดเจน แต่จากการสันนิษฐานน่าจะมาจากชื่อลุ่มน้ำแม่สา ซึ่งเป็นแม่น้ำที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งปางช้างนั่นเอง สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ถือว่าเหมาะกับสาวกคนรักสัตว์โดยเฉพาะ ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะมาชมความน่ารักของเหล่าสัตว์ประจำชาติไทยกันดูสักครา


3

“สวนสนแม่แตง” ถ่ายรูปชิค ๆ นั่งปิกนิก
ท่ามกลางสวนสน


“สวนสนแม่แตง” หรือสวนผลิตเมล็ดพันธุ์ไม้สนสองใบ ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โดดเด่นด้วยต้นสนคาริเบียสูงตระหง่านเรียงเป็นทิวแถวยาวสุดลูกหูลูกตากว่า 100 ต้น โดยสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ได้มาวิจัยและทดลองปลูกต้นสนพันธุ์นี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 บนเนื้อที่กว่า 27 ไร่ ถ้าใครเป็นสายแชะแล้วละก็ ห้ามพลาดเลย เพราะที่นี่นับเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ผู้คนมักจะมาถ่ายภาพกัน ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝน บรรยากาศความร่มรื่นของเหล่าต้นไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นสุด ๆ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถมานั่งปิกนิกพักผ่อนหย่อนใจได้ด้วย (แต่ต้องเก็บขยะ ทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยนะ)

สำหรับชื่อสวนสนแม่แตง นั้นมาจากชื่อของอำเภอแม่แตง ซึ่งมีที่มาจากลำน้ำแม่แตงนั่นเอง ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ใกล้สวนสนแม่แตงที่สามารถไปเยือนได้ เช่น น้ำตกหมอกฟ้า ไร่ชาลุงเดช และปางช้างแม่แตง เป็นต้น


4

“เฮือนไตลื้อแม่แสงดา” บ้านไทลื้อโบราณ
อายุเก่าแก่กว่า 76 ปี


สถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่ 3 ขอข้ามจังหวัดไปยังเมืองพะเยากันบ้าง เพื่อไปดูบ้านเรือนโบราณที่ “เฮือนไตลื้อแม่แสงดา” อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ มีลักษณะเป็นบ้านไตลื้อโบราณ เจ้าของคือแม่แสงดา สมฤทธิ์ (ซึ่งเป็นที่มาของการตั้งชื่อเฮือนลื้อแม่แสงดานั่นเอง) สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2489 ปัจจุบันมีอายุกว่า 76 ปี เฮือนไตลื้อแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยพื้นถิ่นของชาติพันธุ์ไตลื้อ และเป็นเรือนแห่งเดียวในจังหวัดพะเยาที่ยังคงความสมบูรณ์ไว้ได้ โดยมีการอนุรักษ์บ้านหลังนี้ให้คงสภาพเดิม ไม่ได้ปรับปรุงตกแต่งเพิ่มเติมแต่ประการใด เพื่อไว้ให้คนรุ่นหลังที่เข้ามาเยี่ยมชมเห็นเค้าลางของอดีตได้มากที่สุด

เรือนแห่งนี้เป็นเรือนไม้ที่มีลักษณะยกใต้ถุนสูง หลังคาทรงจั่ว ปัจจุบันได้รับการยกย่องเชิดชูในฐานะเป็นเฮือนไตลื้อที่ยังคงไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ไตลื้อจากหลากหลายหน่วยงาน ถือเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเยี่ยมชมความสวยงามของสถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของชาติพันธุ์ไตลื้อโบราณได้

ทั้งนี้ เฮือนไตลื้อแห่งนี้ ได้มีการทอผ้าไตลื้อที่ยังคงกระบวนการดั้งเดิมแบบโบราณไว้ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม ตลอดจนมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ของชาวไตลื้อให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกลับไปเป็นที่ระลึกอีกด้วย


5

เที่ยวนาขั้นบันได ชมทะเลหมอก ลิ้มลอง
กาแฟคุณภาพดีที่  “แม่ลาน้อย”


อีกหนึ่งที่เที่ยวเงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามคืออำเภอ “แม่ลาน้อย” จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่เดิมแม่ลาน้อยเป็นถิ่นที่ตั้งของชาวลัวะ (ละว้า) ที่ทำมาหาเลี้ยงชีพตามลำน้ำสองสายคือ แม่ลาหลวงและแม่ลาน้อย โดยชาวลัวะเรียกว่า แม่ลัวะหลวงและแม่ลัวะน้อย ต่อมาชาวลัวะถูกชาวเงี้ยว (ไทยใหญ่) เข้าแย่งที่ทำกิน นาน ๆ เข้าการออกเสียงคำว่า “ลัวะ” ก็เพี้ยนไปเป็น “ลา” ตามสำเนียงของชาวเงี้ยว ในที่สุดเรียกชื่อเป็น “แม่ลาน้อย” มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นคือ โครงการหลวงแม่ลาน้อย ที่มีนาข้าวขั้นบันไดสีเขียวขจีสวยงาม นักท่องเที่ยวจะได้พักผ่อนกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ พร้อมกับเรียนรู้วิถีชีวิตเกษตร และยังจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวเขาเผ่าพื้นถิ่นอีกด้วย

จากนั้นไปต่อกันที่ “จุดชมวิวแม่ลาน้อย” จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 เป็นจุดแวะพักของนักเดินทางที่มาจากเชียงใหม่ แล้วจะไปยังตัวเมืองแม่ฮ่องสอน โดยจุดนี้จะมีร้านกาแฟเล็ก ๆ ซึ่งใช้เมล็ดกาแฟจากบ้านห้วยห้อม หนึ่งในถิ่นปลูกกาแฟระดับพรีเมียมของอำเภอแม่ลาน้อย นักท่องเที่ยวสามารถแวะชิมกาแฟคุณภาพดีได้ที่นี่ ส่วนด้านหลังร้านกาแฟยังมีจุดชมทะเลหมอกที่สวยงามซ่อนตัวอยู่ด้วย



6

“สวนแม่ฟ้าหลวง” ชมดอกไม้นานาพรรณ
ท่ามกลางสวนสวย


หลายคนคงคุ้นเคยกันดีกับชื่อ “แม่ฟ้าหลวง” เพราะเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดเชียงราย ซึ่ง “สวนแม่ฟ้าหลวง” ที่เราจะพาไปเที่ยวก็ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั่นเอง โดยตั้งอยู่ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2534 เป็นสวนดอกไม้ประดับนานาพรรณ มีดอกไม้เมืองหนาว อาทิ ดอกชัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ ดอกลำโพง และไม้มงคลต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังมีไม้ยืนต้นและซุ้มไม้เลื้อยอีกมากมายกว่า 70 ชนิด สวนแม่ฟ้าหลวงสร้างโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อถวายสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี (สมเด็จย่า) และในบริเวณใกล้กับสวนแม่ฟ้าหลวงจะมีหอพระราชประวัติซึ่งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีด้วย


แล้วที่มาของชื่อแม่ฟ้าหลวงมาจากไหน? แม่ฟ้าหลวงเป็นพระสมัญญาที่ชาวไทยภูเขาได้ขานพระนามสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยความเทิดทูนอย่างสูงยิ่งหมายถึง “แม่ที่สวรรค์เบื้องบนประทานมาให้ ” เป็นการอธิบายถึงการเสด็จฯ เยี่ยมเยียนโดยเครื่องเฮลิคอปเตอร์ที่ลงมาจากท้องฟ้า มีหมอ พยาบาล เครื่องมือแพทย์ ยารักษาโรค อาหาร และผ้าห่มกันหนาวในการช่วยเหลือพวกเขานั่นเอง

ไขข้อข้องใจกันไปพอสังเขปกับที่มาของชื่อสถานที่ที่มีคำว่า “แม่” ในภาคเหนือ โดยส่วนใหญ่นั้นมาจากลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่นั้น ๆ ที่อยู่ติดกับแม่น้ำจึงได้นำมาตั้งชื่อ ส่วนที่มาอื่น ๆ นั้นตั้งขึ้นจากความเกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญนั่นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างกับสถานที่ท่องเที่ยวแม่ ๆ ทั้ง 6 แห่งข้างต้นที่เราพาไปรู้จักในวันนี้ มีที่ไหนโดนใจบ้างหรือยัง ถ้ามีแล้วละก็… รอช้าอยู่ไย พาแม่ไปแอ่วเหนือกันโลด!



อ้างอิง

เรื่องโดย