Kind Sound

เมื่อนักบวชชาวญี่ปุ่นนำ “บีทบ็อกซ์” มาใช้ในบทสวดมนต์สไตล์คูล ๆ


โยเกะซึ อากาซากะ นักบวชนิกายเซ็นได้เปลี่ยนบทสวดมนต์ “ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร” สุดเรียบง่ายให้กลายเป็นท่วงทำนองสไตล์ใหม่ โดยนำการร้องบีทบ็อกซ์เข้ามาช่วยขับกล่อมผู้ต้องการหาความสงบยามสวดมนต์ แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ ใช่ว่าทุกคนจะคุ้นเคยกับท่วงทำนองแปลกใหม่ที่เขาได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเท่าไหร่นัก

นักบวช วัย 37 ปี ได้กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว หลังจากปล่อยวิดีโอ “Heart Sutra Live Looping Remix” ลงบนยูทิวบ์ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นซ่วงเวลาเดียวกับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และตอนนี้ก็มีจำนวนผู้เข้าชมเกือบสองล้านวิวแล้ว! 

ทำนองการสวดมนต์รูปแบบใหม่ที่มอบความเพลิดเพลินและผ่อนคลายไม่ต่างจากการฟัง ASMR ในวิดีโอนี้ปรากฏภาพของนักบวชหนุ่มผู้มีท่าทีสงบยืนอยู่ท่ามกลางฉากหลังสีขาวโพลน เดินอย่างสำรวมเข้ามาในฉาก ค่อย ๆ เอื้อมมือไปคว้าไมค์ หูฟัง และเปิดเครื่อง Loop Station เพื่อทำการบันทึกเสียงและเล่นซ้ำ 

อากาซากะตระหนักดีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นักบวชทั่วไปปฏิบัติกัน แต่เขาเชื่อว่าหากไม่ลองเสี่ยงก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง “อาตมาไม่ต้องการได้รับความสนใจในเรื่อง ‘ความแตกต่าง’ หรืออะไร อาตมาแค่หลงใหลในดนตรี และไม่อยากจะทิ้งมันไว้เฉย ๆ เหมือนกับคนที่เล่นกีต้าร์หรือกลอง อาตมาเป็นแค่นักแสดงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง” เขากล่าว


ก่อนที่อากาซากะบวช เขาเคยทำงานในคณะละครในจังหวัดฟุกุชิมะ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งแปซิฟิกโทโฮกุ และสึนามิถล่มในปี ค.ศ. 2011 ภูมิภาคที่เขาเคยอยู่ก็ถูกทำลายลงไปในพริบตา นอกจากนั้นเขายังเคยเป็นนักแสดงเปิดหมวกข้างถนนทั้งในและนอกประเทศ และเคยไปแสดงที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียอีกด้วย


อากาซากะเริ่มสนใจในการร้องบีทบ็อกซ์หลังจากที่เพื่อนของเขาได้มอบแผ่นซีดีนักร้องบีทบ็อกซ์ชาวญี่ปุ่นให้เป็นของขวัญ “เพื่อนของอาตมา ให้ซีดีนักบีทบ็อกซ์ชาวญี่ปุ่นชื่อ Afra เขาเป็นศิลปินที่ใช้เพียงแค่ปากในการแสดงทั้งขับร้องและทำเสียงดนตรีควบคู่ไปพร้อมกัน หลังจากนั้นอาตมาเลยลองฝึกการแสดงแบบเขาดู และพบว่าอาตมาก็ทำมันออกมาได้ดีทีเดียว” 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อน เมื่อครั้งที่อากาซากะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น สมัยที่เขายังแสดงกีต้าร์เปิดหมวกอยู่ริมถนน หลังจากค้นพบความสามารถพิเศษว่าเขาสามารถบีทบ็อกซ์ได้ เขาจึงตัดสินใจเก็บเงินซื้อเครื่อง Loop Station เครื่องแรกในปี ค.ศ. 2009 และมุ่งสู่ทางธรรมในปี ค.ศ. 2015 ตามผู้เป็นพ่อ

“คนญี่ปุ่นมักจะบวชเป็นพระ เพราะมีครอบครัวอาศัยอยู่ในวัด แต่สำหรับพ่อของอาตมา ครอบครัวของเราไม่ได้อาศัยอยู่ในวัดแต่อย่างใด พ่อเป็นแค่คนธรรมดาที่อยากจะศึกษาธรรมะอย่างลึกซึ้ง เขาเลยตัดสินใจบวชเป็นพระ” อากาซากะเล่า “คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า พ่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้อาตมาบวชเป็นพระ และอาตมาตัดสินใจแล้วว่าต้องประสบความสำเร็จเหมือนกับพ่อ ซึ่งตอนนี้เป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่ในจังหวัดอิวาเตะ”

อากาซากะยอมรับว่าช่วงแรกที่ตัดสินใจนำบีทบ็อกซ์เข้ามาขับร้องในบทสวดมนต์ เขาค่อนข้างกังวลต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา แต่ดนตรีก็เป็นสิ่งเดียวที่เขารักและไม่ต้องการปล่อยให้มันจางหายไปเมื่อตอนที่เขาบวชเป็นพระ “อาตมารักในดนตรีมาโดยตลอด และอยากจะสานต่อความปรารถนานี้ให้คงอยู่ต่อไป แม้จะบวชเป็นพระแล้วก็ตาม นี่คือเหตุผลที่อาตมากลับมาร้องบีทบ็อกซ์อีกครั้ง”

“อาตมาค่อนข้างกังวล เพราะนี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน มันผิดแปลกจากประเพณีโบราณ แต่เมื่ออาตมาลองทำดูก็พบว่า มันก็ไม่เลวนัก อาตมาคิดว่าน่าจะทำอะไรเพื่อคนอื่นดูบ้าง และเมื่ออาตมาลองแสดงต่อหน้าคนอื่น พวกเขาต่างก็ชอบการแสดงครั้งนี้มาก” 


นอกจากการทำวัตรด้วยดนตรีสไตล์ใหม่ที่วัดแล้ว อากาซากะยังได้จัดการแสดงอีกหลายสถานที่ เช่น เทศกาลดนตรี กิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของพนักงานในบริษัท และงานประชุม ซึ่งในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หนัก ๆ การจัดงานถูกยกเลิกทั้งหมด รวมถึงงานเทศกาลนิโกะนิโกะ โจไคงิ (Niconico Chokaigi) ที่เขาเคยไปทำการแสดงเมื่อปี ค.ศ. 2019 ก็ถูกยกเลิกไปเช่นกัน 

อากาซากะบอกว่า เขามักจะฝึกซ้อมดนตรีในทุก ๆ วัน แต่ตอนนี้เขาอยู่ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ ดังนั้นการทำหน้าที่นักบวชจึงสำคัญกว่า “ดนตรีเป็นมากกว่างานอดิเรก แต่มันไม่ใช่เป้าหมายหลักสำหรับอาตมาในตอนนี้” 

เมื่อย้อนถามถึงวิดีโอ “Heart Sutra Live Looping Remix” ที่กำลังเป็นไวรัลอยู่ในขณะนี้ อากาซากะตอบกลับด้วยท่าทีสงบว่า “อาตมาค่อนข้างประหลาดใจกับกระแสที่เกิดขึ้น เพราะกว่าที่อาตมาจะก้าวข้ามความกลัวได้ก็ใช้เวลานานพอควร และหากสังเกตชุดที่อาตมาใส่ในวิดีโอจะเห็นว่าอาตมาสวมจีวรที่ใช้ในงานศพ เพื่อสะท้อนถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้” 


สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้วิดีโอของอากาซากะได้รับความนิยม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ผู้คนต้องการหาที่พึ่งทางจิตใจ ในขณะที่พวกเขาต้องระมัดระวังตัวเองจากการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวของผู้คนจำนวนมาก และวัดเองก็เป็นสถานที่ที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเวลานี้

“หลังจากปล่อยวิดีโอก็ได้รับคอมเมนท์จากผู้คนในหลายประเทศ ทั้งในเอเชียเอง แล้วก็ที่สหรัฐฯ และยุโรป หลังจากนั้นอาตมาเลยเริ่มสตรีมมิ่งเป็นภาษาอังกฤษ เพราะกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดตามในช่องอาตมาส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เป็นชาวญี่ปุ่น นี่จึงเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญในการทำมันต่อไป ซึ่งในอนาคตอาตมาก็อยากจะลองนำการสวดแบบนี้ไปใช้ในงานศพเช่นกัน หากพวกเขาเปิดใจยอมรับ” 

“อาตมาคิดว่าในสังคมญี่ปุ่น ผู้คนมักจะเชื่อมโยงศาสนาพุทธเข้ากับงานศพและพระสูตรก็มีภาพลักษณ์ในแง่ลบนิดหน่อย ซึ่งมันค่อนข้างน่าเศร้าที่คนในสังคมมองเป็นแบบนี้” อากาซากะกล่าว

สำหรับอากาซากะแล้ว เขามองว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ช่วยให้เกิดความสงบทางจิตใจและช่วยเยียวยาผู้คนให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวด อีกทั้งยังช่วยเยียวยาจิตใจยามที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ทางโลก โดยผ่านคำสอนจากพระไตรปิฎก

“เคยมีญาติโยมบอกอาตมาว่า ตอนที่พวกเขาเปิดบทสวดบีทบ็อกซ์ของอาตมาฟังก่อนนอน พวกเขาก็นอนหลับสนิทได้อย่างรวดเร็วและรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ฟัง อาตมาว่ามันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก อีกทั้งยังรู้สึกเป็นเกียรติที่สามารถนำศาสตร์ดนตรีสมัยใหม่มาประยุกต์กับบทสวดมนต์ ที่ตอนนี้ได้เป็นที่รู้จักไปแล้วทั่วโลก” อากาซากะกล่าว 

หากอยากดำดิ่งไปกับโลกธรรมะสไตล์คูล ๆ สามารถรับชมได้ ที่นี่


ที่มา


เรื่องโดย