Kind Places

สิงคโปร์เมืองเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่สีเขียวมากถึง 66 ตารางเมตรต่อคน


หากมองภาพเมืองสิงคโปร์ในยามนี้ คงเห็นทั้งสวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และอาคารที่พักอาศัย ที่เต็มไปด้วยสีเขียวชุ่มฉ่ำสบายตา ด้วยนโยบายของภาครัฐที่ต้องการให้สิงคโปร์เป็น “City in a Garden”


ชีวิต สีเขียว ต้นไม้ สัญลักษณ์ของเมืองสิงคโปร์
△▲

ปี ค.ศ. 2019 สิงคโปร์ ได้รับเลือกจาก Senseable City Lab แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ว่า มีพื้นที่สีเขียวเป็นอันดับสองของโลก เฉลี่ยที่ 29.3% หรือกว่า 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด รองจากเมืองแทมปาในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ที่มีพื้นที่สีเขียวถึง 36.1% 

แม้สิงคโปร์จะมีพื้นที่เพียง 725.7 ตารางกิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่ากรุงเทพมหานคร แต่ประชากรชาวสิงคโปร์แต่ละคนกลับมีพื้นที่สีเขียวสูงถึง 66 ตารางเมตร ขณะที่คนกรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวต่อคนเพียง 6.23 ตารางเมตร (องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าแต่ละเมืองควรมีพื้นที่สีเขียว 9 ตารางเมตรต่อประชากร 1 คน)

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจว่าทำไมสิงคโปร์ถึงมีพื้นที่สีเขียวมากมายขนาดนี้ เนื่องจากนโยบาย “เมืองสีเขียว” (Green City) ของสิงคโปร์ได้ถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1967 โดยลี กวน ยู อดีตผู้นำประเทศสิงคโปร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนประเทศสิงคโปร์ให้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวและมีสภาพแวดล้อมที่สะอาด โดยสิงคโปร์เริ่มดำเนินนโยบาย “Garden City” ในรูปแบบโครงการปลูกต้นไม้แบบเร่งรัดในพื้นที่ข้างถนน ซึ่งหลังจากผ่านไปเพียง 3 ปี สิงคโปร์มีต้นไม้ปลูกใหม่กว่า 55,000 ต้น 


ต่อมาในปี ค.ศ. 1972  สิงคโปร์ออกพระราชบัญญัติสวนสาธารณะและต้นไม้ (Parks and Trees Act) เพื่อให้เกิดความร่วมมือจากทุกหน่วยงานในการจัดสรรพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ในทุกโครงการ เช่น การก่อสร้างที่อยู่อาศัย สร้างถนน หรือสร้างลานจอดรถ รวมถึงการกำหนดห้ามมิให้มีการสร้างความเสียหายต่อต้นไม้ด้วย ซึ่งส่งผลให้จำนวนต้นไม้และสภาพเมืองในสิงคโปร์เปลี่ยนไปอย่างมาก

ปัจจุบันสิงคโปร์ประกาศนโยบาย “City in a Garden” ซึ่งอยู่ในแผนแม่บทพัฒนาเมือง ค.ศ. 2014-2030 และแผนแม่บทการลงทุนของสิงคโปร์ ค.ศ. 2030 (The Singapore Property Master Plan 2030) ภายใต้แนวคิด “More Land, More homes, More Greenery” สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศสิงคโปร์ยังคงเดินหน้านโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองให้มากขึ้นไปอีก


8 พื้นที่สีเขียวน่าปักหมุดในสิงคโปร์
△▲

สิงคโปร์ไม่เพียงอนุรักษ์แหล่งทรัพยากรธรรมชาติไว้เท่านั้น แต่ยังออกแบบผังเมืองและสถานที่ต่าง ๆ ให้ธรรมชาติเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งสวนสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และอาคารพักอาศัยที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ธรรมชาติและมนุษย์อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว

Kampung Admiralty ต้นแบบอาคารสีเขียวของผู้สูงวัย

Kampung Admiralty คือต้นแบบอาคารสำหรับผู้สูงอายุแห่งแรก (First Retirement Village) ของสิงคโปร์ ซึ่งตอบรับต่อรูปแบบเมืองแห่งอนาคตที่นำสิ่งอำนวยความสะดวกมาไว้ในที่เดียวกัน ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียวให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยเฉพาะบริเวณชั้น 8 ซึ่งนับว่าเป็น “ปอด” ของอาคาร สวนหย่อมบนชั้นนี้มีการปลูกต้นไม้นานาพรรณลดหลั่นกันคล้ายภูเขาขนาดเล็ก และมีการออกแบบสิ่งต่าง ๆ ที่คำนึงถึงผู้สูงอายุ ทั้งทางลาดสำหรับรถเข็น และจุดนั่งพักขาตลอดทางเดิน


– PARKROYAL COLLECTION Pickering สวนลอยฟ้าแห่งแรกที่มีการใช้พลังงานเท่ากับศูนย์

PARKROYAL COLLECTION Pickering คือโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจใจกลางเมือง มีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 15,000 ตร.ม. ถูกจัดเรียงเป็นทิวทัศน์หุบเขาและน้ำตก เต็มไปด้วยพืชเขตร้อน มีระบบไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และการกักเก็บน้ำฝนเพื่อประหยัดน้ำ ถือเป็นสวนลอยฟ้าแห่งแรกที่มีการใช้พลังงานเท่ากับศูนย์ หรือ Zero Energy ในสิงคโปร์

Singapore Botanic Gardens สวนพฤกษศาสตร์มรดกโลกแห่งสิงคโปร์

Singapore Botanic Gardens ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) โดยใจกลางสวนพฤกษศาสตร์ขนาด 60 เอเคอร์แห่งนี้ คือสถานที่ตั้งของสวนกล้วยไม้แห่งชาติ (National Orchid Garden) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกล้วยไม้กว่า 60,000 ต้น และกว่า 3,000 สายพันธุ์

– Gardens by the Bay ป่าขนาดย่อมใจกลางเมือง


Gardens by the Bay หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเต็มไปด้วยพรรณไม้ใหญ่น้อยนานาชนิด เสมือนจำลองป่าขนาดย่อมซึ่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพเอาไว้ ภายในแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ เช่น Flower Dome, Cloud Forest และ Super tree Grove & OCBC Skyway ซึ่งจะมีการแสดงแสงสีเสียง Garden Rhapsody เป็นประจำทุกคืน

Punggol สวนสาธารณะสีเขียวสวรรค์ของนักปั่น

สวนสาธารณะปังโกล (Punggol Park) อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสิงคโปร์ มีทะเลสาบตั้งอยู่ใจกลาง และมีเส้นทางจักรยาน ความยาว 4.2 กิโลเมตร ที่นี่จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตสำหรับการมาเดินเล่นและปั่นจักรยาน ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ Southern Active Zone สำหรับทำกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ และ Passive Zone ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าทางตอนเหนือของทะเลสาบ

– Fort Canning Park สวนบันทึกประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์

สวนสาธารณะฟอร์ทแคนนิง (Fort Canning Park) มีขนาด 18 เฮคเตอร์ หรือ 180,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางเมือง นอกจากจะมีธรรมชาติอันร่มรื่นแล้ว ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะในอดีตเคยเป็นป้อมปราการและหอสั่งการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง สวนแห่งนี้จึงมีสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์อยู่มากมาย 

Pulau Ubin เกาะธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในสิงคโปร์

เกาะปูเลาอูบิน (Pulau Ubin) คือแหล่งธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดและอุดมสมบูรณ์ที่สุดในสิงคโปร์ เป็นถิ่นที่อยู่ของพันธุ์ไม้หายากและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด โดยเฉพาะนกที่ใกล้สูญพันธุ์ ที่นี่จึงเป็นสถานที่โปรดปรานของบรรดาผู้รักธรรมชาติที่ต้องการมาพักผ่อน หรือเที่ยวชมแบบไปเช้าเย็นกลับ 


– Marina Barrage อ่างกักเก็บน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์

Marina Barrage ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบมารีน่า ซึ่งเป็นจุดบรรจบกันของเส้นทางน้ำถึง 5 สาย จึงเป็นอ่างกักเก็บน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ และมีหน้าที่สำคัญในการบรรเทาปัญหาน้ำท่วมอีกด้วย นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่อเนกประสงค์ที่มีทั้งสวน Solar Park ที่มีแผงโซลาร์เซลล์รับพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 400 แผง พิพิธภัณฑ์ให้ความรู้การจัดการน้ำ ศูนย์กิจกรรมทางน้ำ และสวนลอยฟ้าที่เป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่อยู่บนชั้นลอยที่ทุกคนสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนพร้อมชมวิวสถานที่สำคัญรอบอ่าวมารีน่าเบย์ได้

สิงคโปร์มีพื้นที่สีเขียวมากมายมหาศาล อันเกิดจากวิสัยทัศน์ของผู้นำที่ต้องการให้สิงคโปร์เป็น “City in a Garden” ด้วยนโยบายต่าง ๆ นี้ น่าจะเป็นแบบอย่างให้เมืองอื่น ๆ ที่สนใจจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองได้ เพราะพื้นที่สีเขียวเปรียบเสมือน “ปอด” ที่ทำหน้าที่บำบัดอากาศเสีย และเปรียบเสมือน “เครื่องปรับอากาศ” ที่ทำหน้าที่ลดความร้อน เมื่อการออกแบบเมืองคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก ผลที่เกิดขึ้นก็คือประชากรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


ที่มา


เรื่องโดย