“หากศิลปะอยู่บนสิ่งของ อาจทำให้ศิลปะจับต้องได้มากขึ้น”
วันนี้ KiNd ชวนทุกคนมาปล่อยใจจอย~ แต่งแต้มสีสัน สร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ กับ “คุณออย–คนธรัตน์ เตชะไตรศร” ศิลปินอิสระ เจ้าของแบรนด์ Give.me.museums เตรียมสีกับกระดาษให้พร้อม แล้วถือพู่กันมาป้ายฝันไปด้วยกัน!
สมุดวาดภาพเล่มแรกคือ
“กำแพงบ้าน”
✿
“ออยเริ่มวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยก่อนที่จะอ่านหนังสือได้ด้วยซ้ำ เพราะตอนเด็ก ๆ เรียนได้ช้ากว่าเด็กทั่วไป เหมือนอ่านไม่ออก แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบเขียน ชอบวาดรูป ออยเริ่มวาดตั้งแต่กำแพงบ้าน ซึ่งพ่อแม่ก็สนับสนุน ไม่มีดุด่า เขาก็พอจะรู้ว่าเราถนัดด้านนี้มากกว่าอ่านหนังสือ จึงผลักดันในด้านนี้มาเรื่อย ๆ ออยเริ่มวาดจากต้นไม้ ภูเขา ช่วงไหนที่ชอบดูการ์ตูนก็วาดการ์ตูน เปลี่ยนคอนเทนต์ไปเรื่อย ๆ ตามความสนใจในตอนนั้น ภาพจำในตอนนั้นอีกอย่างคือจะเห็นที่บ้านทำธุรกิจ ทำเล็ก ทำน้อย ทำไปเรื่อย ๆ ซึ่งเราก็ได้เรียนรู้ด้านนี้ด้วย และที่บ้านก็มีเครื่องถ่ายเอกสารอยู่ ออยก็เอารูปวาดที่ยังไม่ลงสีไปถ่ายเอกสาร แล้วก็เอาไปขายให้เพื่อนที่โรงเรียน ขายรูปละบาทสองบาท แล้วก็เอาสีไปให้เพื่อนยืมแบบครบวงจรเลย แต่พอขายได้ไม่นาน ครูก็ห้าม”
“พอโตมาก็จะมีช่วงที่หยุดวาดไป คือช่วงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและช่วงทำงานครีเอทีฟ กว่าจะได้หันกลับมาวาดแบบจริงจังก็ตอนที่เริ่มทำแบรนด์ Give.me.museums ค่ะ”
เฟรมผ้าใบผืนใหญ่ที่ชื่อว่า
“Give.me.museums”
✿
“ออยไม่ได้เรียนศิลปะมาโดยตรง สาขาที่เรียนชื่อว่า ครีเอทีฟ อาร์ต (Creative Art) ไม่ได้เน้นวาดรูปเป็นหลัก พอจบมาก็ทำงานด้านครีเอทีฟ แล้วช่วงที่ทำงานก็เหมือนใช้สมองใช้พลังกายพลังใจเยอะมาก จนรู้สึกเครียด พอมาถึงจุดหนึ่งที่โหมงานหนัก ตั้งแต่ตีห้าจนถึงเจ็ดโมงของอีกวัน มันเลย 24 ชั่วโมงไปแล้ว และเป็นช่วงเดียวกันที่ Give.me.museums ค่อย ๆ โตขึ้น หากทำทั้งสองอย่างคงจะเหนื่อยเกินไปและไม่สุดสักทาง ออยเลยตัดสินใจออกมาทำ Give.me.museums แบบเต็มตัวหวนกลับมาสู่การวาดรูปอีกครั้ง กลับมาหาสิ่งที่เป็น Comfort Zone ที่ทำแล้วสบายใจ”
“ช่วงแรกที่ทำ Give.me.museums ไม่ได้วาดภาพแบบแลนด์สเคป (Landscape) แบบนี้ เพราะช่วงที่ทำครีเอทีฟเราสนใจงานภาพยนต์ ก็วาดเป็นภาพ Portrait นักแสดงที่ชอบ หรือนักดนตรีที่ชอบ ด้วยเวลาที่น้อย ออยเลยวาดในกระดาษเล็ก ๆ ไม่ได้วาดลงเฟรมผ้าใบแต่อย่างใด เหมือนในตอนนั้นไม่มีเวลามากพอที่จะครีเอตอะไรที่มีความเป็นตัวเองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ สักพักพอเราก็มีเวลาออกไปเที่ยวมากขึ้น คอนเทนต์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจนกลายเป็นแบบนี้ ออยชอบความที่พอดูภาพใกล้ ๆ มันจะมีความ Abstract อยู่ในตัว ไม่ได้เป็นภาพที่ชัดเจนขนาดนั้น อาจเป็นเพราะพื้นฐานเราไม่ใช่คนที่เรียนศิลปะมา ภาพมันจะไม่ได้เป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว วิธีการใช้สีมันอาจจะไม่ถูกต้อง สัดส่วนของภาพมันอาจจะไม่ใช่ แต่ออยรู้สึกชอบแบบนี้”
“การทำ Give.me.museums ขึ้นมา ตั้งใจเลยว่าอยากทำแบรนด์เพื่อขายของ และ Give.me.museums มาจากคำพูดของปีกัสโซ (Pablo Picasso) ซึ่งไม่แน่ใจว่าเขาตีความว่าอะไรในประโยคนี้ แต่ออยตีความไปว่า Give.me.museums เป็นพื้นที่แสดงออกทางศิลปะ ซึ่งออยไม่ได้คิดว่าพื้นที่แสดงออกทางศิลปะมีเพียงแค่แกลเลอรี หอศิลป์ หรือพิพิธภัณฑ์ เพราะศิลปะนั้นสามารถเบลนด์เข้าไปกับชีวิตประจำวันได้ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ออยเลยเลือกใช้ชื่อนี้ แล้วก็เอางานศิลปะมาทำเป็นสิ่งของเครื่องใช้ เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้ในทุก ๆ วัน ซึ่งออยคิดว่าศิลปะมันไม่ควรจบอยู่ที่แคนวาสหรือผ้าใบ ที่มันเข้าถึงผู้คนได้แค่บางกลุ่ม และแน่นอนว่า เราไม่ได้ปฏิเสธของการมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้นะ ออยยังคงจัด Exhibition ยังขายภาพวาด แต่ว่าไม่ได้ทำสิ่งนี้เป็นหลัก เพราะยังอยากทำในส่วนที่ให้คนเข้าถึงศิลปะได้มากกว่า”
“ออยเริ่มทำ Give.me.museums โดยไม่ได้คิดว่าเราคือศิลปิน แต่คิดว่า Give.me.museums คือแบรนด์ และตัวเราเองเป็นศิลปินให้แบรนด์นี้เฉย ๆ โดยวิธีการของออยคือแบ่งเป็นสองขา ขาหนึ่งเป็นตอนวาดรูปก็คืออะไรก็ได้ปล่อยใจฝัน ส่วนอีกขาเป็นครีเอทีฟต้องคิดเรื่องมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งกระบวนการทำงานมันต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่มันผสมผสานกันจนกลายเป็น Give.me.museums ค่ะ”
“สิ่งที่ช่วยเสริมตัวตนแบรนด์คือ วิธีการสื่อสารหรือวิธีการที่ทำให้คนรู้จักและจดจำแบรนด์เรา หากให้นิยามว่า Give.me.museums เป็นอย่างไร ออยรู้สึกว่ามันนิยามไม่ได้ในภาพ ๆ เดียว แต่เพราะเราลงภาพนี้ ใช้แคปชันเป็นนี้ แล้วโพสต์ตอนนี้มากกว่า เหมือนน่าจะเป็นมวลรวมทั้งหมดประกอบกันเป็นเรา”
ปัดแปรงป้ายฝันไปด้วยกันใน
“BIGHUGexhibition”
✿
“นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกคือ Blooming Home เป็นการแนะนำตัวเพื่อเปิดบ้านของเราให้คนเห็น งานที่จัดแสดงจะมีงานที่วาดตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน แล้วก็จะเน้นวาดบนเฟอร์นิเชอร์ ตั้งแต่ตู้ พรม ไปจนถึงโซฟา ด้วยลายของเรา ให้ศิลปะเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ราวกับตื่นมาในบ้านเริ่มต้นวันใหม่ก็เห็นงานศิลปะอยู่รอบตัวแล้ว พอมาถึงครั้งนี้ ออยคิดว่าอยากให้ต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว ที่พอเข้ามาในบ้านแล้วก็ทักทายกันด้วยการกอด อีกทั้งที่ผ่านมา สถานการณ์บ้านเมืองมันเคร่งเครียด วุ่นวาย อยากให้คนเข้าชมงานแค่มารับกอดจากเราเฉย ๆ ไม่ต้องตีความอะไรทั้งสิ้น”
“ภาพที่ออยวาดใน Exhibition จะไม่ได้เจาะจงว่ามามันคือที่ไหน ส่วนใหญ่ออยจะไม่เปิดภาพเทียบ หรือไปวาดจากสถานที่นั้น ๆ แต่จะจำมา ส่วนตัวชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง ก็จดจำบรรยากาศรอบ ๆ ตัวในขณะนั้นมา และวาดภาพออกมาจากความทรงจำแทน จะมีกลิ่นอายของสถานที่จริงสักห้าเปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคิดเอง คอนเซปต์ของงานนี้ ออยให้ Follower ส่งภาพที่เขาถ่ายเองแล้วรู้สึกดีมาให้ จากนั้นก็สุ่มเลือกมาวาด เพราะคิดว่าอยากให้ทุกคนถูกโอบกอดด้วยภาพที่รู้สึกดี และไม่อยากให้งานนี้เป็นของเราคนเดียว อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมด้วย ออยไม่อยากให้งานเป็นแบบ One-way Communication ที่เราสื่อสารทางเดียวเท่านั้น อยากให้มีการตอบโต้เกิดขึ้น”
สีสันในอนาคตของ
Give.me.museums
✿
“จุดเริ่มต้นคือการทำศิลปะให้เบลนด์เข้ากับทุกอย่างในชีวิตประจำวันได้ เราเลยทำออกมาเป็นสินค้ามากมาย และด้วยสไตล์ของเรา เลยทำให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชายเขามองว่า ดูเป็นผู้หญิงเกินไปหรือเปล่า แต่ในฐานะแบรนด์เราอยากให้ทุกคนใช้ความเป็นดอกไม้ได้โดยไม่เขิน ไม่จำกัดว่าสีชมพูคือผู้หญิงอะไรเพียงอย่างเดียว น่าจะผลักดันแบรนด์ไปทางนี้มากกว่า อยากตะโกนเมสเซจนี้ออกมาดัง ๆ ซึ่งเราจะทำเหมือนเดิม แต่จะทำให้ทุกคนเชื่อให้ได้ว่า ดอกไม้มันไม่ใช่แค่สำหรับผู้หญิง ส่วนสไตล์งานก็คงเปลี่ยนไปตามเวลา ที่ไม่อาจรู้ตอนนี้ได้เลยว่าคืออะไร”
“แบรนด์ Give.me.museums มีขายทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นในเว็บไซต์ หรือบน Shopee และ Lazada มีหน้าร้านอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มควอเทียร์ มีร้านฝากขายที่สยาม และในปีหน้าจะมีการขยายแพลตฟอร์มขายของในต่างประเทศ ส่วนงาน Exhibition ออยจัดแค่ครั้งหรือสองปีครั้ง แพลนปีหน้าก็มีในหัวแล้ว สปอยล์ว่าจะเป็นงานอบอุ่นประมาณนี้ ต้องรอติดตามค่ะ”