Kind Global

Digital Nomad คนไร้ออฟฟิศที่ไม่ไร้ตัวตน คาดทะลุ 1 พันล้านคนในปี 2035

  • Digital Nomad (ดิจิทัลโนแมด) มาจากการผนวกคำว่า Digital และ Nomad ที่แปลว่า คนเร่ร่อน ดิจิทัลโนแมดจึงเป็นคำที่ใช้เรียกไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนที่ทำงานแบบไร้ออฟฟิศ หรือเลือกย้ายที่พำนักสำหรับทำงานเป็นครั้งคราว และถือโอกาสท่องเที่ยวไปได้เรื่อย ๆ โดยเน้นทำงานผ่านระบบออนไลน์ เช่น โค้ดดิ้ง การตลาด เจ้าของธุรกิจออนไลน์ เป็นต้น
  • กลุ่มคนดิจิทัลโนแมด อายุเฉลี่ย 30 – 40 ปี มีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 10 ปี และมีรายได้เฉลี่ย 50,000 – 100,000 บาทต่อเดือน 
  • เชียงใหม่ ติดอัน 4 เมืองน่าอยู่น่าทำงานของชาวดิจิทัลโนแมด ประจำปี 2020 ด้วยค่าครองชีพเฉลี่ย 1,050 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน หรือประมาณ 32,600 บาทต่อเดือน


ข้อมูลจาก nomadlist.com เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลสำหรับชาวดิจิทัลโนแมด ระบุว่า ปี 2019 ประชากรทั่วโลกที่เรียกตัวเองว่าดิจิทัลโนแมด มีจำนวนสูงถึง 25 ล้านคน และคาดว่าภายในปี 2035 จะเพิ่มขึ้นถึง 1 พันล้านคน จากการประเมินของคนทำอาชีพอิสระที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี ค.ศ. 1990 อยู่ที่ประมาณ 10%, ปี ค.ศ. 2000 เพิ่มขึ้น 15%, ปี ค.ศ. 2015 เพิ่มขึ้น 30%, ปี ค.ศ. 2020 เพิ่มขึ้น 35% และคาดว่าปี ค.ศ. 2035 จะเพิ่มขึ้นสูงถึง 50%

ขณะที่ความเร็วอินเทอร์เน็ตในอนาคตน่าจะพัฒนาไปได้ที่ 100 กิกะไบต์ต่อวินาที หรือสามารถดาวน์โหลด แบ็กอัพข้อมูลต่าง ๆ ในโทรศัพท์มือถือได้ภายใน 2 นาที ซึ่งถือว่าเร็วมากเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวดิจิทัลโนแมด

สำหรับประเทศไทย รายงานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า ปัจจุบันแรงงานในประเทศไทยมีลักษณะการทำงานแบบ NextGen Work หรือการทำงานของคนรุ่นใหม่ คือ เน้นอิสระ เลือกจัดระบบการทำงานตามความพึงพอใจของแต่ละคน ลักษณะงานเป็นสัญญาจ้าง งานไม่เต็มเวลา งานตามฤดูกาล งานชั่วคราว หรืออาชีพอิสระ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 2 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 300,000 – 600,000 คน โดยเฉพาะกลุ่ม Generation Y (เกิด ค.ศ. 1981- 2001) 

โดยลักษณะเด่นของ Gen Y จะเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการศึกษาสูงขึ้นมากกว่าคน Gen อื่น ๆ มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี มีทักษะสูงเมื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน มีพฤติกรรมการทำงานที่เน้นความเป็นอิสระ และสามารถจัดระบบการทำงานเองได้ จึงมีแนวโน้มทำงานแบบดิจิทัลโนแมดสูงกว่าคนใน Gen อื่น ๆ ที่มีอายุมากกว่า



ดิจิทัลโนแมดต่างแดน สร้างเม็ดเงินสะพัดในเมืองไทย

แม้ในประเทศไทย คำว่า “ดิจิทัลโนแมด” จะยังไม่คุ้นเคยกันมากนัก แต่หากกล่าวถึง “ฟรีแลนซ์” หรืออาชีพอิสระ น่าจะมองเห็นภาพมากขึ้น เพราะหัวใจสำคัญของดิจิทัลโนแมดคืออิสระ แต่ความต่างของดิจิทัลโนแมดคือ จะเลือกย้ายที่พำนักไปยังเมืองที่ให้ความคุ้มค่าต่อการทำงานหรือธุรกิจ ขณะเดียวกันต้องเป็นเมืองที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวและพักผ่อนได้ด้วย ซึ่งเมืองเชียงใหม่ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ชาวดิจิทัลโนแมดเลือกมาพำนัก

ผลสำรวจกลุ่มดิจิทัลโนแมดต่างแดน หรือกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานด้านดิจิทัลและเดินทางมาพักในเชียงใหม่ จนถึงปี 2562 จาก 44 ประเทศทั่วโลก ของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการเชียงใหม่ (Chiang Mai Entrepreneurship Association : CMEA) พบว่า กลุ่มดิจิทัลโนแมดส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร อายุเฉลี่ย 30-40 ปี  มีอาชีพด้านโค้ดดิ้ง การตลาด และธุรกิจออนไลน์ มีระดับการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป มีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 10 ปี และสร้างรายได้เฉลี่ย 50,000 – 100,000 บาทต่อเดือน ขณะที่มีค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจในเชียงใหม่เฉลี่ยคนละ 35,000 บาทต่อเดือน และมีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเฉลี่ยปีละกว่า 200,000 บาท

กลุ่มดิจิทัลโนแมดจากต่างแดนนิยมเดินทางเข้ามาในเชียงใหม่มากขึ้นตั้งแต่ปี 2014 และเข้ามามากที่สุดในปี 2017 โดยส่วนใหญ่จะเข้ามาอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคม หรือในช่วงฤดูหนาว ส่วนสถานที่ทำงานยอดนิยม คือ Co-working Space ต่าง ๆ เช่น CAMP และ และ Pun Space เป็นต้น

ขณะเดียวกันกลุ่มดิจิทัลโนแมดตอบโจทย์เจ้าของธุรกิจในไทย ทั้งสถานที่ทำงาน ที่พัก และแหล่งท่องเที่ยว โดยผลสำรวจเมืองน่าอยู่น่าทำงานของดิจิทัลโนแมดทั่วโลก ประจำปี 2020 พบว่า เชียงใหม่ ติดอันดับ 4 เมืองที่ชาวดิจิทัลโนแมดเลือกมาพักอาศัย ด้วยค่าครองชีพเฉลี่ย 1,048 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน หรือประมาณ 32,600 บาทต่อเดือน ขณะที่กรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 6 ค่าครองชีพเฉลี่ย 1,470 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน หรือประมาณ 45,700 บาทต่อเดือน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเมืองค่าครองชีพไม่แพง ราคาเข้าถึงได้ (Affordable)

สำหรับประเทศไทย วิกฤตโควิด-19 อาจเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดดิจิทัลโนแมดในประเทศมากขึ้น เพราะด้วยมาตรการควบคุมการระบาด ลดเที่ยวบินเดินทางเข้าประเทศ และเพิ่มมาตรการในการคัดกรองนักท่องเที่ยว ทำให้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย ช่วงเวลานี้จึงเป็นการกระตุ้นให้คนไทย ไม่ว่าจะเป็นชาวออฟฟิศ หรือไร้ออฟฟิศ ออกมาท่องเที่ยว หรือเปลี่ยนสถานที่ทำงานมากขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจในประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น





10 อันดับเมืองน่าอยู่ของดิจิทัลโนแมด ประจำปี 2020

อันดับ 1 ลิสบอน, โปรตุเกส ค่าใช้จ่าย 2,049 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 2 ชางกู, อินโดนีเซีย 1,265 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 3 เบอร์ลิน, เยอรมนี 2,971 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 4 เชียงใหม่, ประเทศไทย 1,048 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 5 ปราก, สาธารณรัฐเช็ก 2,125 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 6 กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย 1,470 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 7 เปอร์โตวาลาร์ต้า, เม็กซิโก 1,471 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน

อันดับ 8 วอร์ซอ, โปแลนด์ 1,885 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 9 เคียฟ, ยูเครน 1,536 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน

อันดับ 10 เม็กซิโกซิตี้, เม็กซิโก 1,266 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเดือน



ที่มา


เรื่องโดย