Kind Global

Fiscal Generation Gap: ช่องว่าง (ทางการเงิน) ระหว่างวัย


ช่องว่างระหว่างวัยหรือที่เรียกกันติดปากว่า Generation Gap เป็นสิ่งที่สังคมคุ้นเคยกันดีโดยเฉพาะด้านความคิด สังคม วัฒนธรรม Pop Culture ของแต่ละรุ่นที่แตกต่างกันไป บางรุ่นเป็นแฟนคลับ The Impossible มีนักร้องนำอย่างเศรษฐา ศิระฉายา เป็นไอดอลในดวงใจ ในขณะที่บางรุ่นอาจจะรู้จัก “อาต้อย” ในฐานะดาราเจ้าบทบาทบนจอโทรทัศน์เท่านั้น ความแตกต่างและช่องว่างเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนเคยสัมผัสและหลายคนเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว

นอกเหนือจากช่องว่างระหว่างวัยที่เราคุ้นชิน อีกประเด็นที่เราต้องกลับมาเรียนรู้ด้วยกันคือ “ช่องว่างทางการเงินระหว่างวัย” เพื่อความเข้าใจกันระหว่างเจเนอเรชันที่มากขึ้น



เมื่อเด็กวัยเรียนเติบโตเป็นผู้ใหญ่และก้าวสู่วัยทำงาน เรื่องทรัพย์สินจะมีบทบาทสำคัญในชีวิตขึ้นมาทันที ค่าแรงที่ได้รับต้องจัดสรรปันส่วนสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาคู่กับคำสอนจากรุ่นสู่รุ่นเรื่องการออมเงิน ไหนจะมรดกตกทอดของวงศ์ตระกูล เรียกได้ว่าประเด็นมูลค่าทรัพย์สินภายในครัวเรือนเป็นเรื่องที่มาพร้อมกับการเป็นผู้ใหญ่นั่นเอง

เรื่องการเงินอันเป็นปกติสามัญของสังคมนี้ ไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนทิศทางแต่อย่างใด สิ่งเดียวที่เปลี่ยนคือ “มูลค่าทรัพย์สินของแต่ละช่วงวัย” ต่างหาก

ในสหรัฐอเมริกา มูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนมักมีค่าเฉลี่ยที่ไม่ต่างกันมากนักของผู้คนแต่ละเจเนอเรชัน แต่ช่วง 30 ปีที่ผ่านมานี้ ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาเผยว่า ช่องว่างทางการเงินระหว่างวัยนั้นแตกต่างกันอย่างน่าตกใจ กลุ่มผู้สูงวัยกำลังร่ำรวยขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องเริ่มต้นจากเส้นทางที่วิบากกว่าคนรุ่นก่อนเสียอีก

โชคดีของเบบี้บูมเมอร์ VS โชคไม่เข้าข้างมิลเลนเนียล

เพื่อความชัดเจนของกลุ่มวัยต่าง ๆ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาได้แบ่งกลุ่มดังนี้


Generation

รุ่น     ปีเกิดอายุ (2020)
Silent Generation และก่อนหน้าเกิดก่อน ค.ศ.194575+
Baby Boomersค.ศ. 1946–196456–74
Generation Xค.ศ. 1965–198040–55
Millennialsค.ศ. 1981–199624–39


เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่ที่กลุ่ม Silent Generation และช่วงวัยก่อนหน้า มีสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนลดลงตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามตัวเลขเหล่านี้ค่อนข้างคงที่ มูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนของคนรุ่นนี้เพิ่มขึ้นจาก 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1989 สู่ 19 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี ค.ศ. 2019

ส่วนแบ่งมูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นของเบบี้บูมเมอร์ ผู้คนในกลุ่มช่วงวัยนี้ที่โตขึ้นพร้อมกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ครอบครองทรัพย์สินกว่าครึ่งหนึ่งในปี ค.ศ. 2020 ที่ 59 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่ามิลเลนเนียลถึง 10 เท่า

ส่วนแบ่งมูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือน

รุ่นมูลค่าทรัพย์สิน (2019)ประชากร (2019)มูลค่าทรัพย์สิน/คน
Silent Generation & Older$18.8 ล้านล้าน23.0 ล้านคน$817,391
Baby Boomers$59.4 ล้านล้าน71.2 ล้านคน$834,270
Generation X$28.6 ล้านล้าน65.0 ล้านคน$440,000
Millennials$5.0 ล้านล้าน72.6 ล้านคน$68,871


คนเจนเอกซ์ใช้เวลาถึง 9 ปี จากสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือน 0.4 % ในปี ค.ศ. 1989 เป็นมากกว่า 5 % ในปัจจุบัน ในขณะที่มิลเลนเนียลยังไม่พ้นเกณฑ์ 9 ปีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เรื่องราวของมิลเลนเนียลไม่ได้น่าเศร้าขนาดนั้น เพราะอัตราการเติบโตมูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนของคนรุ่นนี้เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2016 เป็น 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 2019

เมื่อเจาะลึกรายละเอียดของมูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนก็จะเข้าใจภาพรวมมากยิ่งขึ้น กลุ่มช่วงวัยอายุ 39 ปีและน้อยกว่านั้น (มิลเลนเนียล) ถือครองทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์มากถึง 37.9 % ถือเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดจากทุกกลุ่มช่วงวัย ในขณะที่กลุ่มช่วงวัยที่อายุมากกว่านั้น มูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนจะประกอบทั้งอสังหาริมทรัพย์ หุ้น และเงินบำนาญต่าง ๆ


มูลค่าทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ

มูลค่าทรัพย์สินตามช่วงวัย (2020)70+55–6940–54 39
อสังหาริมทรัพย์21.6%20.5%27.6%37.9%
กลุ่มสินค้าประเภทคงทน3.8%3.6%5.2%9.4%
หุ้นและกองทุนรวม24.6%23.1%18.6%8.1%
เงินบำนาญ16.3%25.0%21.9%21.0%
ธุรกิจส่วนตัว7.9%9.7%12.1%8.1%
ทรัพย์สินอื่น ๆ25.8%18.1%14.7%15.5%
     


นอกเหนือจากการเป็นเจเนอเรชั่นที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด มิลเลนเนียลยังมีแนวโน้มจะได้รับมรดกจากผู้ปกครองรุ่นเบบี้บูมเมอร์ เป็นมูลค่าสูงถึง 68 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2030

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มิลเลนเนียลทุกคนจะยิ้มออก เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ถือครองโดยคนบางกลุ่มเท่านั้น มูลค่าทรัพย์สินในครัวเรือนจะเป็นมรดกตกทอดของครอบครัวที่ร่ำรวยอยู่แล้ว มิลเลนเนียลบางคนอาจจะได้รับมรดกเป็นหนี้สินแทน

ความท้าทายที่มากกว่าเก่าจะอยู่ในมือของคน Gen Z เพราะเส้นทางการเริ่มต้นของคนเจเนอเรชันนี้มีแนวโน้มจะวิบากยิ่งกว่าเดิม จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องวางแผนรับมือและช่วยเหลือคนรุ่นใหม่ เช่น การปรับแผนการจัดเก็บภาษี กฎหมายการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ และการจัดการมรดกหนี้สินต่าง ๆ เพราะเราไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่า พวกเขาเป็นกำลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไป


ที่มา


เรื่องโดย


ภาพโดย