Kind Guide

ถึงเวลา! จัดระเบียบการท่องเที่ยวใหม่ในขั้วโลกใต้ “แอนตาร์กติกา”


เรื่องการท่องเที่ยวในแอนตาร์กติกา

“การระงับการเดินทางระหว่างประเทศชั่วคราว ณ ขณะนี้อาจเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับประชาคมระหว่างประเทศในการคิดทบทวนเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวแอนตาร์กติกในอนาคตอีกครั้ง” ผู้เชี่ยวชาญในภูมิภาคกล่าว

ข้อมูลจากรายงานที่ตีพิมพ์ใน Polar Perspectives ซึ่งเป็นนิตยสารออนไลน์จาก Wilson Center’s Polar Institute โดย Peter Carey หนึ่งในผู้ร่วมสถาบัน Polar กล่าวว่า “การหยุดเดินทางระหว่างประเทศชั่วคราวเนื่องจากการระบาดของ COVID-19 นั้น ถือเป็นโอกาสอันมีค่าในการพิจารณาผลกระทบต่อการท่องเที่ยวแอนตาร์กติกาในอนาคต และนโยบายใดที่จะช่วยจัดการผู้เยี่ยมชมที่เข้ามาในภูมิภาคได้ดีกว่า”


“อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแอนตาร์กติกในปัจจุบันมีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก” Peter Carey กล่าวในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากนิวซีแลนด์ “ข้อกังวลของผมคือ ด้วยจำนวนผู้เยี่ยมชมที่มากขึ้นภายใต้ระบบการจัดการในปัจจุบัน อาจจะทำให้เราไม่สามารถรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ได้”  

International Association of Antarctica Tour Operators (IAATO) ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ไม่แสวงหาผลกำไรของผู้ประกอบการการท่องเที่ยวในภูมิภาครายงานว่า มีผู้เดินทางมาเยี่ยมชมแอนตาร์กติกาประมาณ 74,000 คน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนที่ผ่านมา (พฤศจิกายน 2019 – มีนาคม 2020 ในซีกโลกใต้) โดยมีอัตราผู้เยี่ยมชมเพิ่มขึ้น 32 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน

Carey ให้เหตุผลว่า ในอดีตตัวเลขการท่องเที่ยวที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวในภูมิภาคต้องปรับแผนการเดินทางและตารางการเดินเรือ แต่แนวโน้มของจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มมากขึ้นนั้น แสดงให้เห็นว่าวิธีการสำรวจความนิยมของแอนตาร์กติกาในปัจจุบันไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

“จำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มขึ้นจนถึงขณะนี้ ได้รับการรองรับจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่กำหนดขึ้นเอง เช่น ฤดูกาลที่ยาวนานขึ้น หรือการบุกเบิกพื้นที่ใหม่” Carey กล่าวในเอกสารของเขาว่า

ถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการควบคุมการท่องเที่ยวแอนตาร์กติกแล้วหรือยัง?


“การปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมเล็กน้อยสำหรับสภาพที่เป็นอยู่ อาจรองรับการเพิ่มขึ้นอีกบางส่วนภายใต้การจัดการในปัจจุบัน แต่ในที่สุดก็จำเป็นต้องมีการควบคุมที่เข้มงวดยิ่งขึ้น หากการท่องเที่ยวคือ การหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผลกระทบเพียงเล็กน้อย หรือชั่วคราวต่อสภาพแวดล้อมแอนตาร์กติก หรือคุณค่าที่แท้จริงของมัน”

“ด้วยการแพร่ระบาดของโรคที่แช่แข็งจำนวนนักท่องเที่ยว ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์จากการจัดการผู้เยี่ยมชม ไปเป็นการควบคุมการท่องเที่ยวในแอนตาร์กติกา” เขากล่าว

การท่องเที่ยวที่ขั้วโลกใต้

การท่องเที่ยวในแอนตาร์กติกามีการจัดการด้วยตนเองเป็นหลัก และเช่นเดียวกับกิจกรรมอื่น ๆ ของมนุษย์ในทวีปนี้ ได้รับคำแนะนำจากข้อตกลงที่ทำโดยประชาคมระหว่างประเทศภายใต้ระบบสนธิสัญญาแอนตาร์กติก (ATS) ซึ่งมี 54 ประเทศเป็นภาคี

Photo Credit: James Lusk/Audubon Photography Awards


มีการบังคับใช้กฎระเบียบการเดินเรือที่เข้มงวด แม้ว่า ATS และองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) และภาคีสนธิสัญญาได้ให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยวซึ่งรวมถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น อนุญาตให้มีผู้เยี่ยมชมสูงสุด 100 คนขึ้นฝั่งในครั้งเดียว แต่ส่วนใหญ่ปล่อยให้ IAATO จัดการกิจกรรมของตนเอง Carey กล่าว

ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวแอนตาร์กติกจะต้องขอใบอนุญาตจากประเทศบ้านเกิดของตน และได้รับการประเมินด้านสิ่งแวดล้อมของกิจกรรมของตน ปัจจุบันบริษัททั้งหมดมาจากประเทศที่เป็นภาคีของ ATS และแม้ว่าระบบจะทำงานได้อย่างดีเยี่ยมในขณะนี้ โดย Carey กล่าวว่า “มันสามารถทดสอบได้เมื่อนักท่องเที่ยวจำนวนใหม่เข้าสู่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีของ ATS”

“กลุ่มประชากรที่เปลี่ยนไปของผู้ที่มาที่แอนตาร์กติกาอาจเปลี่ยนวิธีดำเนินการต่าง ๆ” เขากล่าว “มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับประเทศในสนธิสัญญาแอนตาร์กติกในการตัดสินใจว่าจะจัดการกับมุมมองที่แตกต่างกันอย่างไร เนื่องจากในปัจจุบันระบบที่การจัดตั้งขึ้นนั้น ไม่มีกลไกการบังคับใช้ “

ในบทความของเขา Carey ได้สรุปแนวคิดสี่ประการที่ได้รับการหยิบยกมา เพื่อควบคุมการท่องเที่ยวในแอนตาร์กติกาให้ดีขึ้น คือมีช่วงของจำนวนผู้เยี่ยมชมหรือระบบโควต้า การจำกัดการท่องเที่ยวเฉพาะโซน หรือกำหนดให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐสนธิสัญญา ซึ่งจะรับผิดชอบเพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทเคารพกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

เขากล่าวว่า แต่ละสถานการณ์มีข้อดีข้อเสีย แต่การหยุดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศชั่วคราวเนื่องจาก Covid-19 ถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่าในการเริ่มต้นการสนทนาเกี่ยวกับอนาคตของการท่องเที่ยวไปยังภาคพื้นทวีป


“ในระยะสั้น หาก Covid-19 ยังคงส่งผลต่อการท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อมจะไม่มีความเสี่ยงมากนัก หากสิ่งต่าง ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง” Carey กล่าว “แต่หากการระบาดใหญ่ของโรคอยู่ภายใต้การควบคุม และการท่องเที่ยวกลับมาได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วอีกครั้ง สิ่งหนึ่งที่จะเสี่ยงคือ เราจะมีสภาพแวดล้อมในแอนตาร์กติกาที่นักท่องเที่ยวแห่กันเดินทางมาจำนวนมาก

*Eilís Quinn เป็นนักข่าวที่ได้รับรางวัลและเป็นผู้บริหารโครงการ Radio Canada International’s Eye on the Arctic news โดยได้รับรายงานจากภูมิภาคอาร์กติกของทั้ง 8 ประเทศ และได้ผลิตสารคดีและมัลติมีเดียมากมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหาที่ชนพื้นเมืองแถบขั้วโลกเหนือต้องเผชิญ


ที่มา