ค.ศ. 2020 คงเป็นปีแห่งความท้าทายระดับตำนานที่ยากจะลืมเลือนของใครหลายคน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ความเป็นอยู่ของมนุษยชาติที่ย่ำแย่ และเศรษฐกิจที่ตกต่ำจนต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ดังเดิม
การมาเยือนของโรคระบาดคือเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด COVID – 19 สร้างความเสียหายต่อสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจขั้นรุนแรง ทั้งโลกกำลังรับมือและหาทางจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาด ในขณะที่วัคซีนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี การเรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกับ COVID – 19 นับเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนอยู่มากทีเดียว
เป็นที่ทราบกันดีว่าหน้าที่หลักของรัฐบาลคือ การคิดค้นและออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้อีกครั้ง มนุษยชาติมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางและฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกอย่างเป็นมิตรกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ตอนนี้เรามีโอกาสที่จะยอมรับความผิดพลาด และผลักดันการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน สร้างรากฐานเพื่อส่งต่อพลังงานและอุตสาหกรรมที่สะอาด ให้มีความยั่งยืนและเป็นการรักษาเศรษฐกิจโลกต่อไปอีกนานนับทศวรรษ
Photo Credit: air pollution in rajasthan/iqair.com
ลดการปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์ภายในกลางศตวรรษที่ 21
มีหลักฐานว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ต่างสนับสนุนนโยบายและการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จำนวนประเทศที่ตั้งเป้าปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายใน ค.ศ. 2050 เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นอกเหนือจากการลดคาร์บอนที่รัฐบาลหลาย ๆ ประเทศได้ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ค.ศ. 2020 ยังเป็นที่น่าประทับใจ เมื่อบริษัทพลังงานจากหลายประเทศยืนยันเดินหน้า ลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายใน ค.ศ. 2050 แม้ว่าการดำเนินกิจการจะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากก็ตาม ซึ่งรวมถึงการลดการปล่อยคาร์บอน scope 3 หรือ คาร์บอนที่ไม่ได้มาจากการผลิตของผู้ประกอบการโดยตรง แต่มาจากวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เช่น ขั้นตอนการบริโภคสินค้า โดยเฉพาะขั้นตอนการเผาไหม้
Photo Credit: impact of chemicals on the environment/health.mo.gov
รัฐบาลหลายประเทศ จัดปัญหาสภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองเนื่องจาก COVID – 19 และ Carbon Captured and Storage: CCS เทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอนจากโรงไฟฟ้า เป็นเรื่องที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน เพราะการบรรลุเป้าหมาย “ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์” ก่อน ค.ศ. 2050 และการป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส จำเป็นต้องลดการใช้เทคโนโลยีบางประเภทในทันที รวมถึงยกเลิกการใช้อุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก ซึ่งปล่อยคาร์บอนเป็นจำนวนมาก และเปลี่ยนมาติดตั้งเทคโนโลยี CCS แทน การกำจัดคาร์บอนต้องดำเนินการในระดับมหภาค ตามที่ “งบประมาณคาร์บอน (Carbon Budget)” หรือปริมาณการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกสูงเกินไป
ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อัตราการติดตั้งเทคโนโลยี CCS ตามโรงงานต่าง ๆ นั้นเพิ่มสูงขึ้น ปี ค.ศ. 2020 ถือเป็นขาขึ้นของการดักจับและกักเก็บคาร์บอนเช่นกัน อุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน และเทคโนโลยี CCS ที่ได้รับการติดตั้งในหลายอุตสาหกรรม เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถในการรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรมที่จัดการคาร์บอนได้ยากแต่ผลิตผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันของประชากรทั่วโลก
การติดตั้งเทคโนโลยี CCS ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนในส่วนนี้มากขึ้น นับเป็นสัญญาณที่ดีและชวนให้ใจชื้นขึ้นได้บ้าง แต่มนุษยชาติก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเดินหน้าลงมือทำต่อไป
ลดโลกร้อน ลดปัญหาเศรษฐกิจ
บทบาทของเทคโนโลยี CCS จากรายงาน “ผลกระทบภาวะโลกร้อนเมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส (Global Warming of 1.5°C)” ของ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ชี้ให้เห็นว่าจะต้องมีการดักจับและกักเก็บคาร์บอนปริมาณ 350 – 1,200 กิกะตันภายในศตวรรษนี้ ในขณะที่ปริมาณการดักจับและกักเก็บคาร์บอนปัจจุบันโดยประมาณอยู่ที่ 40 เมกะตัน ต่อปีเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าปริมาณดังกล่าวจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100 เท่าภายในปี ค.ศ. 2050 เพื่อให้บรรลุตามแผนงานที่ IPCC วางไว้ เป็นที่แน่ชัดว่าการผลักดันนโยบายของภาครัฐและความร่วมมือของภาคเอกชน มีความสำคัญอย่างมากในด้านการลงทุนทางเทคโนโลยี เพื่อทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ
Photo Credit: air pollution images downbad/unsplash.com Photo Credit: กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
การทำงานของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของ CCS มีความคืบหน้าอย่างมาก เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อุปกรณ์ดักจับและกักเก็บคาร์บอนที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับคุณภาพ กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงของภาพลักษณ์เทคโนโลยี CCS ที่มีราคาสูง
ผู้เสนอแนวคิดโมเดล CCS Hub ยังคงเดินหน้าพัฒนาแนวคิดให้เข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น โดยยกประเด็นที่น่าสนใจคือ การใช้ Alberta Carbon Trunk Line: ACTL (ท่อดักจับและกักเก็บคาร์บอนที่มีความยาวถึง 240 กิโลเมตร ทำหน้าที่ดักจับและกักเก็บคาร์บอนภายในเมืองอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา และขนส่งไปยังแหล่งกักเก็บน้ำมันต่าง ๆ ทั่วเมืองเพื่อการผลิตน้ำมันต่อไป) นอกจากนี้ การกำจัดคาร์บอนยังมีบทบาทสำคัญด้านการลงทุนและการจัดตั้งโครงการต่าง ๆ หลายประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และออสเตรเลียต่างให้ความสำคัญกับการลดคาร์บอน และด้วยนโยบายลดคาร์บอนนี้เอง ได้กระตุ้นให้เกิดการลงทุน และเกิดโครงการต่าง ๆ ทั้งโครงการด้านการตรวจสอบและด้านการพัฒนาเทคโนโลยีลดคาร์บอน
Photo Credit: air pollution in italy/worldnomads.com
นับเป็นก้าวสำคัญที่มนุษยชาติได้เป็นพยานของการตระหนักรู้และการผสมผสานของภาคการลงทุน ที่มีต่อแนวคิดธุรกิจยั่งยืน (ESG) โอกาสทางการลงทุนได้รับการตีความหมายใหม่เพราะทุกธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อลดมลพิษและมุ่งเป้าทำให้โลกนี้ปราศจากคาร์บอน ซึ่งหมายความว่าการดำเนินธุรกิจบนแนวคิด ESG ต้องการเทคโนโลยีที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง
หนทางข้างหน้าเป็นสิ่งที่ท้าทาย อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี CCS ได้รับการตอบรับมากขึ้นเรื่อย ๆ มากพอที่จะประสบความสำเร็จในการกำจัดคาร์บอนให้เหลือศูนย์ภายใน ค.ศ. 2050 นี้
ที่มา
- Carbon capture can help us win the race against climate change. www.weforum.org/agenda/2020