พื้นที่แห่งนี้เริ่มมีความหนาแน่น เพราะการแพร่ระบาดของเหล่าวัชพืช ซึ่งเดิมทีคุณหวังว่าพื้นที่แห่งนี้จะสะอาดสะอ้าน และโล่งเตียน “เอาละ ถึงเวลาแล้วที่ต้องลงมือจัดการ” นั่นคือวลีที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้—เพราะเรากำลังพูดถึงกลยุทธ์และการพินิจพิเคราะห์วิธีการกำจัดกลุ่มเป้าหมาย นั่นก็คือ เหล่ากองทัพ “วัชพืช” ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนขึ้นอีกระดับที่เราต้องหาทางกำจัด ก่อนที่ฤดูกาลใบไม้ผลิจะมาถึง
หากปล่อยให้ “พืชที่ไม่ต้องการ” ออกดอกและสร้างเมล็ดขึ้น ก็จะเป็นเฉกเช่นเดียวกับไวรัสที่แพร่ระบาดแบบไม่สามารถควบคุมได้ เพราะเส้นทางการเติบโตของวัชพืชนั้นอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบทวีคูณ เมื่อพืชที่คุณไม่ต้องการเริ่มประทับตราไว้เหนือทุกสิ่งที่คุณต้องการ วัชพืชสามารถฉกฉวยสารอาหารและแสงสว่างได้ทั้งหมด พวกมันจะยึดพื้นที่ ปกคลุม ระราน และอัดแน่นเบียดเสียดกันจำนวนมากในพื้นที่ของคุณ
แต่อย่างว่าการทำสวนนั้นมักไม่ค่อยมีความแน่นอน
เพราะ “พืชที่เราคิดว่าเป็นวัชพืชนั้นกลับมีประโยชน์อยู่เหมือนกัน” ข้อดีคือ วัชพืชเหล่านี้สามารถตรึงไนโตรเจนในดิน (Nitrogen Fixation) ทั้งยังสามารถดึงดูดนก ผึ้ง และแมลงผสมเกสรอื่น ๆ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์ให้เข้ามาได้ เหล่าวัชพืชสามารถเติมอากาศในดิน และช่วยปรับปรุงความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ได้อีกด้วย
ถ้าจะพูดถึงเรื่องพืชจรจัด และหากคุณอยากรู้ว่ากำลังรับมือกับอะไรอยู่ละก็ คุณสามารถเรียนรู้วงจรชีวิตของพวกมันได้ด้วยการจำแนกแยกแยะประเภทของวัชพืช เรียนรู้วิธีการเติบโตและแพร่ขยาย นั่นจะทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบว่าวัชพืชแต่ละแบบสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นได้อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ยังสามารถทำให้คุณเกลียดชังพวกเขาน้อยลง และคุณอาจค้นพบว่าคุณเองก็ต้องการเก็บวัชพืชเหล่านี้ไว้บ้าง
Diego Bonetto บุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้สนับสนุนวัชพืช” ซึ่งมีอินสตาแกรมยอดนิยมชื่อ “theweedyone” กล่าวว่า ทัศนคติของเขาที่มีต่อวัชพืชคือ “ความรู้สึกขอบคุณ” เขาอาศัยอยู่ในซิดนีย์ แต่เติบโตในฟาร์มทางตอนเหนือของอิตาลี ซึ่งไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวดอกแดนดิไลออน (Dandelions) และเนตเทิล (Nettle) เป็นอาหาร นอกจากนี้การมีพุ่มแบล็คเบอร์รี่ (Blackberry Bushes) ยังถือเป็นของขวัญ ส่วนการกระทำที่หนักแน่นเด็ดเดี่ยวที่สุดในการจำกัดการแพร่กระจายขยายพันธุ์ของพวกมันก็คือ การปล่อยให้ฝูงแพะของครอบครัว Bonetto จัดการพวกมันออกไปบ้าง
Photo Credit: Learning to love weeds/theage.com
แดนดิไลออน (Dandelions) เป็นไม้ล้มลุกประเภทวัชพืชชนิดหนึ่งที่ขึ้นได้ทั่วไป รากของแดนดิไลออนมีสารที่ชื่อว่า “ทาแร็กซาซิน” (Taraxacin) มีคุณสมบัติในการชะล้างสารพิษ ช่วยให้ตับและไตสามารถขจัดสารพิษออกนอกร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ส่วน เนตเทิล (Nettles) หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้จักหรือคุ้นหูนัก ซึ่งเนตเทิลเป็นพืชที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่อเมริกา ก่อนที่จะแพร่ขยายไปทางยุโรป มีรูปเป็นใบหยัก มีขนขึ้นตามใบ และดูเหมือนว่าจะไร้ค่ามากกว่าจะมีประโยชน์ เพราะเมื่อสัมผัสใบของมันจะทำให้มีอาการผื่นคันบริเวณที่สัมผัส แต่กลับมีสรรพคุณที่ดีคือ สามารถนำมาปรุงอาหาร หรือชงเป็นชา ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น
Bonetto เรียกอาหารประเภทนี้ว่า “ผลิตผลจากป่า” และมีการดำเนินการเวิร์กชอป สร้างงานศิลปะ และเขียนบล็อกเกี่ยวกับวิธีการที่ทำให้พืชเหล่านี้มีรสชาติที่ดีขึ้น
“ผู้คนมีความเกลียดชังต่อสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ปลูกและไม่รู้จัก ‘ฉันจะกำจัดพวกมันออกไปอย่างแน่นอน’ แต่มันคือการขาดความเข้าใจอย่างรุนแรง หากคุณมีสนามหญ้าที่เต็มไปด้วย Flatweed (หรือที่เรียกว่า Catsear, Hypochaeris Radicata) คุณก็มีสนามหญ้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอาหาร” เขากล่าว “เมื่อฤดูร้อนที่แล้วเรามี Purslane (หรือ Portulaca Oleracea ซึ่งสามารถกินได้) เติบโตขึ้นอยู่ทุกที่ คุณก็แค่ออกไปข้างนอกและพูดว่า ‘ขอบคุณธรรมชาติที่สรรสร้างพวกเขาขึ้นมา’”
“ฉันไม่ได้บอกว่าเราควรจะกลับไปใช้ชีวิตอยู่ในป่าที่มีวัชพืชอยู่ทุกหนทุกแห่ง ฉันแค่อยากจะบอกว่า เราควรทำตัวสบาย ๆ และผ่อนคลาย เพราะเรากำลังจะสร้างความเสียหายให้กับตัวเอง ด้วยการทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ”
แนวทางของ Bonetto กำลังดึงดูดสิ่งต่อไปนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี และผู้ที่มีความสุขกับสวนที่ต้นไม้ทะลักล้นออกมาจากขอบ และการที่เมล็ดสามารถเพาะตัวเองเป็นทางเดินได้ ในขณะที่บางคนเลือกที่จะควบคุมการแพร่กระจายของพวกมันด้วยการกำจัดทิ้ง
ขอย้ำอีกครั้งว่า “ความรู้คือเพื่อนของคุณ” มันง่ายกว่าหากคุณสามารคควบคุมดอกแดนดิไลออนได้ เมื่อคุณรู้ส่วนของรากแก้วที่จะขุดเพื่อไม่ให้ไม้ยืนต้นเหล่านี้กลับมาใหม่ คุณสามารถควบคุมต้นโคลเวอร์ได้ดีขึ้น เมื่อคุณตระหนักว่าโหนดรากไหนที่ลำต้นสัมผัสพื้นดิน แม้ว่าการจำกัดการแพร่กระจายของวัชพืชทำได้ง่ายกว่า แต่ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่าย
Photo Credit: Learning to love weeds/theage.com
การเรียนรู้วัชพืช หมายความว่าคุณอาจจะยังไม่รู้ชนิดที่แน่นอนของพวกมัน วัชพืชบางชนิดต้องได้รับการจัดการซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากคุณต้องการให้มันหายไป คุณอาจค้นพบวิธีการด้วยตัวเอง อย่างการคลุมวัชพืชด้วยกระดาษแข็ง การคลุมด้วยหญ้า หรือการคลุมด้วยพลาสติก แนวทางอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ต้องรับมือ เพราะ “ไม่มีพืชใดเป็นวัชพืชในทุกสถานการณ์”
และวัชพืชไม่ควรเสียเปล่าไป หากคุณไม่ใช่คนที่กินพวกมัน พวกมันสามารถเป็นปุ๋ยหมักที่ดีได้ อย่าโยนเมล็ดไปที่กองไฟโดยตรงเนื่องจากระบบปุ๋ยหมักในบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ร้อนพอที่จะทำลายเมล็ดได้ แทนที่ด้วยการใส่วัชพืชเหล่านี้ในถุงพลาสติกแล้วตากทิ้งไว้กลางแดด มันจะสลายตัว และไม่เป็นอันตรายวิธีนี้คือวิธีแรก ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือ การแช่ไว้ในถังน้ำที่มีฝาปิดเป็นเวลาสองสามเดือนแล้วใช้ของเหลว (เจือจางด้วยน้ำมากขึ้น) เฉกเช่นเดียวกับการทำปุ๋ยหมัก
ลองเปิดใจที่จะเรียนรู้ และทำความรู้จักกับเจ้าวัชพืช (ที่คิดว่า) ไร้ประโยชน์ดูบ้าง เพราะบางทีคุณอาจจะได้สิ่งมีค่ากลับมา จากเหล่าพืชที่ไม่ต้องการพวกนี้ได้อย่างดีทีเดียว…
ที่มา
- Megan Backhouse. Learning to love weeds. www.theage.com.au/culture/art-and-design/learning-to-love-weeds