Digi Kind

“การสกัดกลิ่นหนังสือ” ช่วยประกอบภาพประวัติศาสตร์ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ครั้งแรกที่ “โรเจอร์ มิเชล” (Roger Michel) ได้ดมกลิ่นมหากฎบัตร (Magna Carta) กลิ่นแรกที่ได้สัมผัสไม่ได้ทำให้เขา ประทับใจมากนัก…

มิเชล คือผู้ก่อตั้งและประธานบริหารสถาบันโบราณคดีดิจิทัล แห่งสหราชอาณาจักร เขาได้ผ่านการดมกลิ่นหนังสือสำคัญ ๆ จำนวนมาก เช่น ไบเบิลโบราณของแอฟริกันกลาง และบทกวีอีเลียดบนกระดาษปาปิรุส ที่นับว่าเป็นหนึ่งในบันทึกที่เก่าแก่ ที่สุดในโลกฉบับหนึ่ง

“มันเป็นบันทึกที่ถูกค้นพบอยู่ในศีรษะของมัมมี่อียิปต์เมื่อหลายพันปีก่อน กลิ่นยางสนผสมผเสไปกับกลิ่นเหล้าหมักของ อียิปต์” มิเชลให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC และเขายังค้นพบกว่า กลิ่นของมหากฎบัตรฉบับที่ 1217 นั้นฉุนน้อยกว่าฉบับ 1215

มิเชลอุทิศเวลาให้กับการพิสูจน์กลิ่นหนังสือโบราณต่าง ๆ ในช่วงพักทานข้าวกลางวัน ทุกครั้งที่เขาย้อนกลับมาดมกลิ่น หนังสือเล่มเดิม เขามักจะได้ค้นพบกลิ่นใหม่ ๆ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจทุกครั้งกับความซับซ้อนของกลิ่นสุดพิเศษที่สกัดได้ จากหนังสือโบราณที่ได้ดม เช่น กลิ่นที่ได้รับจากการสูดดมมหากฎบัตร ที่ให้กลิ่นคล้ายไวน์แดงราคาแพงจากเมืองบอร์โดซ์ แห่งประเทศฝรั่งเศส

ทว่าทุกครั้งที่เขาได้ดม กลิ่นก็มักจะแตกต่างกันไป อย่างเช่นครั้งแรกที่เขาได้ดมมหากฎบัตร ก็ได้ สัมผัสกลิ่นอับชื้นซึ่งคาดเดาได้ว่ามาจากกลิ่นดินหรือกลิ่นน้ำกร่อยผสมไปกับกลิ่นเนื้อกระดาษเก่า ขณะที่อีกครั้งที่ได้ดม เขากลับได้กลิ่นขนมปังและกลิ่นคล้ายชายหาด และเมื่อลองดมอีกครั้งกลับได้กลิ่นเหมือนกระดาษที่เพิ่งพิมพ์เสร็จใหม่ปนเปไป กับกลิ่นถุงเท้าเก่า ๆ คุณจะได้ภาพรวมของกลิ่นทั้งหมดจากการดมอย่างล้ำลึกในแต่ละครั้ง ซึ่งแต่ละกลิ่นที่ได้สูดเข้าไป ทำให้คุณปะติดปะต่อภาพในหัวได้เอง มิเชลกล่าว

พิพิธภัณฑ์แห่งกลิ่น

หนึ่งในกลิ่นที่ถูกสกัดออกมาจากหนังสือโบราณจะถูกนำมาแสดงโดยสถาบันโบราณคดีดิจิทัล คือหนังสือโบราณจากศตวรรษที่ 13 จากห้องสมุด Bodleian แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และจากห้องสมุดสาธารณะประจำกรุงนิวยอร์ก กลิ่นจากหนังสือโบราณดังกล่าวจะถูกนำมาจัดแสดงในนิทรรศการ Sensational Books มิเชลกล่าวว่าพิพิธภัณฑ์ให้ความ สำคัญกับประสบการณ์ทางการรับรู้กลิ่นจากผู้เข้ามาชม มากกว่าการเข้ามาดม อย่างเดียว ซึ่งวิธีการดังกล่าวสามารถทำให้ ผู้เข้ามาชมได้ปะติดปะต่อภาพของโลกรอบตัวได้ดีกว่า

กลิ่นแวดล้อมทำให้มนุษย์สร้างนิยามกลิ่นจากประสบการณ์ส่วนตน รวมไปถึงอดีตของแต่ละปัจเจกชนก็ทำให้เราสามารถ สร้างความสัมพันธ์ของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเรา เขายกตัวอย่างถึงกลิ่นของสถานที่อย่างกลิ่นเมืองลอนดอนในศตวรรษที่ 18 ก็ ทำให้เราเห็นภาพผู้คนและระบบระบายนำ้ทิ้งในลอนดอนได้อย่างชัดเจน ประสบการณ์การรับรู้กลิ่นที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ชมสามารถสร้างภาพอดีตในมโนทัศน์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

มาเดลีน สลาเวน (Madeline Slaven) ภัณฑารักษ์หนังสือหายากแห่งห้องสมุด Bodleian ได้ให้ไอเดียเกี่ยวกับการจัด นิทรรศการกลิ่นหนังสือที่ต้องใช้ผัสสะทั้ง 5 แก่มิเชล เพราะประสบการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างดมกลิ่นแสนพิเศษจากหนังสือนั้น คือประสบการณ์ล้ำค่า การใช้เวลากับหนังสือที่กางอยู่ตรงหน้าคือประสบการณ์ส่วนบุคคลที่เราต้องใช้เวลาโฟกัสกับมัน ร้อยเปอร์เซ็นต์ “ความรู้สึกที่เกิดขึ้นขณะอ่าน เสียงที่เกิดขึ้นเวลาพลิกหน้ากระดาษ และกลิ่นของหนังสือ ปัจจัยเหล่านี้คือ ส่วนหนึ่งของประสบการณ์แสนวิเศษที่เกิดขึ้นเวลาที่คุณอ่านหนังสือ”

กลิ่นของหนังสือ” ยังทิ้งร่องรอยให้เราเดาได้ว่าหนังสือเล่มนั้นถูกพิมพ์มาอย่างไร เช่นประเภทของกระดาษ กลิ่นหมึก และ การเย็บเล่ม ว่ามาจากยุคสมัยไหน หรือแม้กระทั่งเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของหนังสือเล่มนั้น ๆ หนึ่งในหนังสือที่ถูก นำมาแสดงคือ

หนังสือในคอลเล็กชั่นส่วนตัวของ C.S. Lewis ที่มีร่องรอยของกลิ่นซิการ์ หรือหนังสือที่มีกลิ่นคล้ายกากน้ำตาลที่หลงเหลือมาจากโศกนาฏกรรม Boston Molasses Flood ในปี ค.ศ. 1919 ที่มีการระเบิดของแท็งก์ต้มกากนำ้ตาล สำหรับหมักเหล้า หรือบันทึกเล่มแรกๆ ของ Shakespeare ที่บรรณาธิการของเขา Edmond Malone สะสมไว้ก็มีร่องรอย กลิ่นไปป์ของ Shakespeare ติดอยู่บนหน้ากระดาษ

กลิ่นถูกสกัดออกจากหนังสือได้อย่างไร?


มิเชลเล่าให้ฟังว่าหนังสือจะถูกเก็บเอาไว้ 72 ชั่วโมงในห้องสุญญากาศที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ อากาศที่ถูกสกัดกลิ่นออก มาแล้วจะถูกส่งผ่านเครื่องกรองกลิ่นที่ประกอบกันอยู่ในหนังสือ จากนั้นทีมวิศวกรจากวิทยาศาสตร์อาหารจะทำการคัดแยก และทดสอบแผ่นกรองแต่ละชั้นด้วยวิธีการทางเคมี เพื่อสกัดกลิ่นที่อยู่ในหนังสือออกมา เมื่อเราได้วิเคราะห์แผ่นกรองแต่ละชิ้นแล้ว

สสารที่กรองได้จะถูกนำมาบดให้เป็นผง และถูกผสมให้เปียกเป็นลำดับถัดไป จากนั้นจะถูกนำเข้าเครื่องเหวี่ยงแรง สูงที่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมกว่า 20,000 ครั้ง เพื่อสกัดเอากลิ่นจากหนังสือออกมา ซึ่งในขณะเดียวกันนักวิทยาศาตร์ก็จะ ถอดสูตรทางเคมีของกลิ่นหนังสือเล่มนั้น ๆ และนำมาสร้างกลิ่นคล้ายเดิมใหม่ได้อีกครั้ง กลิ่นที่สกัดได้ไม่ใช่กลิ่นประดิษฐ์ ขึ้นมาเพื่อเก็บไว้ในหลอดแก้วธรรมดาเหมือนในพิพิธภัณฑ์ปกติ แต่ทว่าเป็นกลิ่นที่จะถูกเก็บไว้รอให้กับผู้เข้าชมนิทรรศการ ได้เข้าถึงประสบการณ์สุดพิเศษ

ผู้ที่เข้ามาชมนิทรรศการรุ่นแรกจะได้รับประสบการณ์มหัศจรรย์แห่งกลิ่นที่ทางผู้จัดได้สังเคราะห์ (ทางเคมี) ออกมา อย่างกลิ่นหนังสือชุดแรกที่ถูกสกัดออกมาจากมหากฎบัตร (Magna Carta) รวมไปถึงกลิ่นจากบันทึกเล่มแรกของ Shakespeare

แม้ว่านิทรรศการกลิ่นจากหนังสือโบราณ Sensational Books ที่จะจัดแสดงในห้องสมุด Bodleian แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และที่ห้องสมุดสาธารณะประจำกรุงนิวยอร์กนั้นจะถูกเลื่อนการจัดออกไปเพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่มิเชลยัง ยืนยันว่ากลิ่นจากหนังสือชุดแรกที่ถูกสกัดออกมาจะถูกจัดเก็บแช่แข็งไว้เป็นอย่างดี เพื่อรอให้ผู้ชมเข้ามาดมกลิ่นที่น่า หลงใหลนี้ในปีหน้า