Kind Words

ไขข้อข้องใจ เหตุใดคนฝรั่งเศสถึงขี้บ่น


ในฝรั่งเศส การเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการพร่ำบ่นต่อเรื่องราวต่าง ๆ ดูจะเป็นเรื่องปกติและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง พวกเขามักเริ่มต้นด้วยการถอนหายใจและคร่ำครวญถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่าง “อากาศไม่ดี” “การเก็บเกี่ยวองุ่นแย่ลง” “นักการเมืองแสนโง่” ซึ่งการเลือกเรื่องที่จะบ่นให้เหมาะกับกาลเทศะก็ถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งด้วย


หลากหลายคำ “บ่น” ของชาวฝรั่งเศส
〃〃

เอมิลี โมนาโก คอลัมนิสต์สาวชาวอเมริกัน เล่าถึงเรื่องราววัฒนธรรมการบ่นของชาวฝรั่งเศสว่า เมื่อเธอย้ายไปฝรั่งเศสครั้งแรกเมื่อกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ในฐานะชาวอเมริกันวัย 19 ปีที่ยังมองโลกในแง่ดี เธอรู้สึกไม่สบายใจกับการพร่ำบ่นอย่างต่อเนื่องนี้ เธอสงสัยว่าชาวฝรั่งเศสมักจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอเลยหรือ แต่ในที่สุดเมื่อเธอกล้าที่จะถามเพื่อนชาวฝรั่งเศสก็ได้คำตอบว่า ชาวฝรั่งเศสไม่ใช่นักบ่น พวกเขาแค่ไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่เท่านั้น

ในฝรั่งเศสมีคำที่ใช้แทนคำว่า “บ่น” อยู่หลายคำ อย่าง “se plaindre – เซอแปล็งค์” ใช้สำหรับการบ่นแบบเก่า ๆ “porter plainte – พอร์เต แปล็งค์” ใช้สำหรับบ่นอย่างเป็นทางการมากขึ้น นอกจากนั้นก็มีคำว่า “râler – อคาเล่” ใช้บ่นเพื่อความสนุกสนาน และ “râleris – อคาเลอคี” ใช้อย่างไม่เป็นทางการ

ดร. เชมมา คิง อาจารย์อาวุโสด้านภาษาฝรั่งเศสที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียและบรรณาธิการของบล็อก Les Musées de Paris อธิบายว่า “คุณอาจบ่นเมื่อต้องทำอะไรสักอย่างที่ไม่เต็มใจ ในขณะที่การบ่นของคุณก็จะบอกเป็นนัยว่า คุณจะไม่ทำสิ่งนั้นและใครบางคนก็จะได้ยิน”

โมนาโก เล่าว่า เมื่อเธอยังอยู่ในช่วงที่ต้องขอใบอนุญาตอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส และการได้สัญชาติฝรั่งเศสก็ยังคงเป็นความฝันอันสูงส่งของเธอ เธอเคยพูดเล่น ๆ ว่า “ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนฝรั่งเศสอย่างแท้จริงก่อนที่จะได้รับจดหมายยืนยันอีก เพราะฉันจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับการบ่นและคร่ำครวญ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันแห่งโชคชะตานั้น ฉันมักจะบ่นว่า ‘ซุปนี่เย็นเกินไป’ ‘สลัดอุ่นเกินไป’ และ ‘เพื่อนบ้านละเลยที่จะพูด บองชู (bonjour) หรือสวัสดีกับฉัน’ เป็นต้น”


ในขณะที่เพื่อน ๆ ของโมนาโกหัวเราะกับความพยายามของเธอที่จะถอนหายใจเหมือนคนฝรั่งเศส สิ่งเหล่านี้ทำให้โมนาโกนึกถึงเด็กที่ยังไม่เข้าใจภาษาแต่แสร้งทำเป็นคุยโทรศัพท์ ซึ่งกาลเทศะของการบ่นนั้นเป็นงานศิลปะที่ละเอียดอ่อน และเป็นงานที่โมนาโกยังไม่ชำนาญ


ความต่างของการบ่นระหว่างชาวฝรั่งเศสและชาวอเมริกัน
〃〃

ในฝรั่งเศสการบ่นนิดบ่นหน่อยถือเป็นการเริ่มต้นการสนทนาที่เหมาะสมและเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เราอาจเริ่มบทสนทนาถึงร้านอาหารโดยเน้นไปที่การบริการที่ไม่ดีในระหว่างมื้ออาหารอันยอดเยี่ยม หรือเน้นว่าหน้าต่างที่หันไปทางทิศตะวันออกในแฟลตใหม่หมายความว่าคุณต้องซื้อผ้าม่านแล้ว

จูลี บาร์โลว์ นักข่าวชาวแคนาดาและผู้ร่วมเขียน The Bonjour Effect อธิบายว่า “สำหรับคนอเมริกัน การพูดอะไรที่ฟังดูไม่ดีเหมือนคุณกำลังปิดการสนทนา แต่ในฝรั่งเศสความคิดเห็นดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเริ่มต้นบทสนทนากับคนอื่น”


บาร์โลว์ กล่าวว่า ชาวอเมริกาเหนือไม่สบายใจกับการเผชิญหน้าหรือวิพากษ์วิจารณ์เหมือนชาวฝรั่งเศส ดังนั้น การบ่นของชาวฝรั่งเศสจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ฉลาดกว่าการมองโลกในแง่ดี

ด้าน อันนา โพโลนิว นักเขียนชาวฝรั่งเศส-ฮังการี-อเมริกัน หัวหน้าแผนกการเขียนเชิงสร้างสรรค์ที่สถาบัน Paris Institute for Critical Thinking กล่าวว่า ความแตกต่างนี้อาจเกิดจากความกลัวที่ชาวอเมริกันหลายคนมีร่วมกัน นั่นคือการถูกมองว่าเป็น “ผู้แพ้” ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีคำนี้ในหัวของชาวฝรั่งเศส เพราะหากจะมีผู้แพ้ ชาวฝรั่งเศสจะคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในแง่ของการชนะไว้ก่อน


ในฝรั่งเศสการสนทนาอาจเปรียบได้กับ “การดวล” ตามที่บาร์โลว์กล่าว และการเปิดตัวด้วย “การชก” อาจเป็นการร้องเรียกถึงการแสดงสติปัญญา ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ชาวฝรั่งเศสถูกมองว่าเป็นคนชอบวิพากษ์วิจารณ์ ชอบคิด และไม่ไร้เดียงสา

โพโลนิวยอมรับเหตุผลนี้จากประสบการณ์ตรงเมื่อเธอย้ายจากฝรั่งเศสมายังรัฐไอโอวา (สถานที่ที่เธอเติบโต) เธอสังเกตว่า ที่ไอโอวาผู้คนหลีกเลี่ยงการพูดเชิงลบให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเขาบ่นเพื่อระบายเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงใด ๆ แต่ในฝรั่งเศส ยิ่งผู้คนสามารถบ่นได้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าสามารถกระตุ้นให้อีกฝ่ายรู้สึกเข้าถึงประเด็นที่กำลังสื่อสารได้มากขึ้นเท่านั้น


บ่นบ่อย ๆ ดีจริงหรือ
〃〃


ทัศนคติของชาวฝรั่งเศสที่มีต่อการบ่นเป็นเรื่องไม่สบายใจสำหรับชาวแองโกลโฟน (Anglophones) หรือกลุ่มคนที่พูดภาษาอังกฤษแม้ประเทศนั้นจะไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ก็ตาม หลายคนโต้แย้งว่าการปฏิเสธทำให้เกิดเสียงคัดค้าน แต่จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญพบว่า ทัศนคติของชาวฝรั่งเศสอาจดีต่อสุขภาพก็เป็นได้

การศึกษาด้านจิตเวชศาสตร์ทางชีววิทยาในปี ค.ศ. 2013 พบว่า ความพยายามในการควบคุมอารมณ์เชิงลบ อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ในขณะที่การศึกษาในปี ค.ศ. 2011 จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน พบว่า การระบายอารมณ์เชิงลบทำให้คนก้าวร้าวมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าการบ่นจะเป็นแง่บวกเสมอไป การบ่นบ่อยเกินไปอาจทำให้คุณวนอยู่แต่ในวังวนเดิม ๆ แล้วสมองของคุณก็จะกลับมาจดจ่อกับแง่ลบอยู่เสมอ แต่ชาวฝรั่งเศสที่ชอบบ่นอาจหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่ดีนี้ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาไม่ค่อยบ่นเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง แต่จะบ่นเกี่ยวกับปัญหาภายนอกมากกว่า


จากผลสำรวจความคิดเห็นของชาวฝรั่งเศสพบว่า 48% บ่นถึงรัฐบาลมากที่สุด ซึ่งจากบทความล่าสุดใน Politico ความเห็นของชาวฝรั่งเศสที่มีต่อประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เป็นเรื่องเชิงลบอย่างมาก ในขณะเดียวกัน การบ่นถึงปัญหาส่วนตัวนั้นน้อยมาก โดย 23% บ่นเมื่อไม่มีคนโทรกลับ 33% บ่นเมื่อหากุญแจหรือโทรศัพท์ไม่เจอ และมีเพียง 12% เท่านั้นที่บ่นเกี่ยวกับปัญหาของบุตรหลาน

“ฉันคิดว่าชาวฝรั่งเศสมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง แต่พวกเขามักจะใช้ชีวิตลำบากในประเทศของพวกเขา ฉะนั้นอย่าไปงานเลี้ยงและยกย่องชาวฝรั่งเศสเด็ดขาด เพราะผู้คนจะหัวเราะเยาะคุณได้” บาร์โลว์กล่าว


เมื่อการบ่นกลายเป็นวัฒนธรรม
〃〃

มาร์กอต บาสติน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Katholieke Universiteit Leuven ในเบลเยียม ระบุในเอกสารเกี่ยวกับผลกระทบของอารมณ์เชิงลบว่า ชาวฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับประเด็นที่ “ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว และไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง” เพราะจะทำให้สุขภาพดีขึ้น แต่งานวิจัยของบาสตินยังพบว่า แม้การระบายอารมณ์จะมีประโยชน์ แต่ก็เป็นผลเสียได้เมื่อมันยืดเยื้อมากเกินไป

โดยรวมแล้วการบ่นของชาวฝรั่งเศสไม่ได้มีแนวโน้มที่จะเกิดหายนะใด ๆ ขณะเดียวกันโพลินิวก็ตั้งข้อสังเกตว่า การบ่นของพวกเขาก็แทบจะไม่มีเป้าหมายในการแก้ไขด้วย ในขณะที่ชาวอเมริกันเองก็ไม่ได้ต้องการบ่นเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด หรือชาวบริติชเองก็แค่ถอนหายใจเมื่อมีคนแซงคิว เพราะพวกเขาไม่ได้มองว่าการบ่นจะเป็นหนทางหาข้อยุติได้

“ฉันไม่คิดว่าที่พวกเขาบ่นเพราะพวกเขาต้องการเปลี่ยนแปลงอะไร มันเป็นเพียงวัฒนธรรมที่ใช้ในการสนทนาเท่านั้น” บาร์โลว์กล่าว


เช่นเดียวกับการพูดคุยสนทนาส่วนใหญ่ อย่างการถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง” ทั้งที่คนถามเองก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะรู้คำตอบจริง ๆ ด้วยซ้ำ ซึ่งการบ่นในฝรั่งเศสนั้นถือว่าเป็นวิธีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและเป็นสิ่งที่ยอมรับได้โดยทั่วไป

งานวิจัยชิ้นหนึ่งจากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา แสดงให้เห็นว่า การบ่นอาจส่งผลดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ และยังสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการสร้างความผูกพันได้ด้วย

“เมื่อคู่สนทนากำลังฟังคุณ คุณจะรู้สึกมีส่วนร่วมกับอีกฝ่ายจริง ๆ คุณจะรู้สึกใกล้ชิดกับอีกฝ่าย และนั่นทำให้คุณรู้สึกเข้าใจเขามากขึ้น” บาสตินกล่าว

แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณเป็นชาวฝรั่งเศสอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อคุณได้ทำพฤติกรรมแบบที่ชาวฝรั่งเศสมักทำกันเป็นประจำ ซึ่งหลังจาก เอมิลี โมนาโก ใช้ชีวิตในฝรั่งเศสมาหลายปี ในที่สุดเธอก็ได้ใกล้ชิดกับคนในท้องถิ่น และเธอก็เริ่มบ่นแบบที่ชาวฝรั่งเศสมักทำกันเป็นเรื่องปกติ


ที่มา


เรื่องโดย