เมื่อนึกถึงท่าเตียน ภาพจำของย่านเมืองเก่ากรุงเทพฯ ก็จะโผล่มาพร้อมวัดโพธิ์ ตำนานยักษ์วัดโพธิ์รบกับยักษ์วัดแจ้ง หรือนวดไทยระดับโลก แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คืออัตลักษณ์คู่ท่าเตียนมายาวนาน แต่หากเราจะคิดถึงท่าเตียนในแง่ของพื้นที่หย่อนใจ อาจเห็นภาพไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ให้นึกว่าเป็นทางผ่านไปปากคลองตลาดน่าจะง่ายกว่า
แต่ในช่วง 5 ปีมานี้ ท่าเตียนได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางการพักผ่อนของผู้ที่รักภาพชีวิตริมน้ำเจ้าพระยาที่จะได้ไปปล่อยใจสบาย ๆ ไปกับทิวทัศน์แห่งมหานทีซึ่งไหลขนาบข้างชุมชนเก่าริมฝั่งน้ำ และหนึ่งในสถานที่พิเศษที่เกิดขึ้นจากความหลงไหลในความคลาสสิกของท่าเตียนและเสน่ห์ของชุมชนโดยรอบก็คือ “หลงเตียน” ร้านอาหารเล็ก ๆ ที่แทรกตัวอยู่ในบ้านเรือนของชุมชนท่าเตียน ซึ่งถ้าเดินเข้าไปแล้วอาจหลงนิดหน่อย จนต้องสอดส่องสายตาหาร้านดี ๆ สำหรับการมาเยือนครั้งแรก แต่เมื่อพบแล้ว และได้ลิ้มลองอาหาร รวมทั้งสัมผัสวิวระดับเอพลัส ก็อาจตกหลุมรักจนต้องสมัครใจกลับมาหลงซ้ำแล้วซ้ำอีก
หลงเตียน (Long Tian) อยู่ติดท่าเตียน ในซอกเล็ก ๆ ชองชุมชนเก่าแก่ หน้าร้านโดดเด่นด่วยรูปปั้นยักษ์ 1 ตนซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของท่าเตียน เมื่อเจอทางเข้าแล้วก็ให้เดินขึ้นบันไดมาชั้น 3 ด้วยความมุ่งมั่นนิดหน่อย ก็จะพบกับร้านอาหารติดแอร์ที่มีระเบียงน้อย ๆ ที่จะพาสายตาเราทอดยาวไปสู่พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามและแม่น้ำเจ้าพระยายามเย็นจนเมื่ออาทิตย์อัสดง ได้พาใจตัวเองหลีกหนีทุกความวุ่นวายและผ่อนคลายไปกับกระแสความเนิบนาบของชีวิต สอดประสานไปกับเสียงเพลงแผ่วเบาจากนักร้องเสียงนุ่มพร้อมกีตาร์คู่กายที่คัดแต่เพลงสบายโสตมาขับกล่อม
KiNd ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “คุณปุ๋ย” และ “คุณบอย” คู่หูธุรกิจที่ร่วมสร้าง “หลงเตียน” มาด้วยกัน ทั้งสองเล่าถึงที่มาที่ไปของร้านอาหารวิวสวยจัดแห่งนี้ว่า ก่อนจะมาเป็นหลงเตียน ร้านนี้เคยเป็นร้านเหล้าแนววัยรุ่นมาก่อน จนเมื่อทั้งสองมาเจอก็รู้สึกหลงรักสถานที่ทันที และเห็นพ้องว่าควรทำให้เป็นร้านนั่งชิลที่ทุกคนมาได้หลังจากทำงานมาเหนื่อย ๆ โดยขายอาหารในราคาไม่แพงที่ทุกคนสามารถกลับมาอิ่มอร่อยได้บ่อย ๆ และมอบวิวที่ผ่อนคลายสบายใจ
หลงเตียนเป็นที่สังสรรค์ของผู้คนหลายแบบ ทั้งคนทำงานออฟฟิศ นักศึกษา คนทำงานฟรีแลนซ์ ครอบครัว และชาวต่างชาติ โดยอัตราส่วนระหว่างคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นครึ่งต่อครึ่ง ความประทับใจแรก ๆ ของคุณปุ๋ยและคุณบอยในช่วงเปิดร้านแรก ๆ คือ การได้ต้อนรับลูกค้าที่บังเอิญเดินเข้ามาเจอร้าน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นลูกค้าที่ชื่นชอบหลงเตียนมาก และได้แนะนำคนอื่น ๆ ให้มาที่ร้านอีกด้วย โดยนับตั้งแต่เปิดร้านมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 จนถึงปัจจุบัน ลูกค้าของหลงเตียนส่วนใหญ่จะมาจากการบอกปากต่อปาก (word of mouth) ระหว่างคนรู้จักกัน
ที่มาของคำว่า “หลงเตียน”
เริ่มจากที่ทั้งคู่ได้มาเห็นสถานที่และบรรยากาศโดยรวม ทั้งวัดวาอาราม พระปรางค์ แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้รู้สึกว่าย่านนี้น่าหลงใหลมาก ทุกครั้งที่ทั้งคู่มาดูความเป็นไปได้ต่าง ๆ ในการทำร้านก็รู้สึกหลงรักท่าเตียนมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้คำว่า หลงเตียนยังไปพ้องกับคำจีน คือ “หลง” แปลว่า มังกร และเตียนที่ออกเสียงใกล้คำว่า “เทียน” แปลว่า ฟ้า รวมกันก็เป็นมังกรฟ้า ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายเป็นสิริมงคลมาก
ในส่วนของเมนูอาหาร
หลงเตียนพยายามใช้วัตถุดิบในพื้นที่จากตลาดท่าเตียนซึ่งส่วนใหญ่เป็นของแห้ง ใช้ผักสดใหม่จากปากคลองตลาด และอาหารทะเลสดคุณภาพดีจากมหาชัย เมนูที่ KIND DINE อยากแนะนำ คือ “สลัดมะม่วงสายบัว” ที่เป็นการฟิวชั่นระหว่างความหอมหวานเนื้อสัมผัสนุ่มของมะม่วงและความสดกรอบของสายบัวอย่างลงตัว ราดด้วยน้ำสลัดหวานอมเปรี้ยว เสิร์ฟเย็น ๆ ชื่นใจ ส่วน “ปลาหมึกย่าง” ก็สด ตัวใหญ่และหนึบดี “หมูกรอบผัดพริกเกลือ” ก็กลมกล่อมลงตัว และอีกไฮไลท์ประจำร้าน คือ “แกงจืดโหระพา” ที่คละเคล้าด้วยกลิ่นหอมนวลของใบโหระพา ซึ่งคุณปุ๋ยบอกว่าเป็นตัวเรียกความสดชื่นได้ดีทีเดียว
ความน่ารักของ หลงเตียน อีกเรื่องที่ไม่เขียนถึงไม่ได้ คือการที่ร้านฝังตัวอยู่ในบ้านเรือนของชุมชนดั้งเดิม ซึ่งชั้น 1 ของบ้านตรงข้ามร้านเป็นบ้านของอาม่าที่อายุมากแล้ว และชาวบ้านส่วนใหญ่ตื่นมาทำมาหากินตั้งแต่ตี 4 ถึง ตี 5 ทางร้านจึงกระซิบบอกลูกค้าเสมอว่ารบกวนลูกค้าเบาเสียงนิดนึงเพื่ออาม่าและชาวบ้านจะได้นอนหลับสบาย ซึ่งตรงนี้ลูกค้าก็ให้ความร่วมมืออย่างดีและบอกกันต่อ ๆ ไป ถือเป็นความน่ารักในการอยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ถ้าคุณกำลังมองหาร้านอาหารที่ส่งมอบวิวยอดเยี่ยม ซึ่งโอบอุ้มด้วยบรรยากาศคลาสสิกและเป็นมิตรของชุมชนเก่าแก่ อาหารรสชาติดี ราคาไม่แรง เราขอแนะนำ “หลงเตียน” ให้คุณได้หลงรัก ลองแวะมาสิ รับรองว่าท่าเตียน และหลงเตียนจะทำให้คุณหลงไปอีกนาน
KIND DINE LOVES LONG TIAN