Kind Words

พันธนาการแห่ง “ด้ายแดง” – โชคชะตา ความเชื่อ และเนื้อคู่


Do you believe in destiny?

เคยได้ยินกันมาบ้างมั้ยคะ… ว่าที่นิ้วก้อยข้างหนึ่งของเราจะมีด้ายแดงที่มองไม่เห็นพันผูกไว้อยู่ และปลายทางของเส้นด้ายนั้นก็คือ นิ้วก้อยของคนอีกคนหนึ่งที่เป็นเนื้อคู่ของเรา แม้จะอยู่ห่างกันแสนไกลเพียงใด หรือพบเจออุปสรรคมากมายแค่ไหน สักวันหนึ่งด้ายแดงแห่งรักจะนำพาให้คนทั้งสองมาพบกัน… ว่าแต่ความเชื่อเกี่ยวกับเนื้อคู่และโชคชะตานี้มีที่มาอย่างไร สังเกตนิ้วก้อยของคุณไว้ให้ดี แล้วไปหาคำตอบพร้อมกัน

ต้นทางความเชื่อจากแดนมังกร

ตำนานความเชื่อด้ายแดงแห่งโชคชะตามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ตามตำนานเล่าไว้ว่า ในสมัยราชวงศ์ถังมีเทพเจ้าแห่งความรัก ซึ่งเป็นผู้เฒ่าที่มีด้ายแดง เรียกกันว่า “เทพเจ้าจันทรา” หรือ “ผู้เฒ่าจันทรา” {ในภาษาจีนเรียกว่า “เย่ว์เซี่ยเหล่าเหริน” หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “เย่ว์เหล่า” (Yue Lao: 月老)} เป็นเทพผู้ควบคุมกำหนดด้ายแดงและการแต่งงานตามความเชื่อของชาวฮั่น โดยจะผูกด้ายแดงไว้ที่นิ้วของชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กัน ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายเพียงใดก็ตาม แต่หากถึงเวลาที่สมควรก็จะได้แต่งงานครองคู่กัน จนมีคำกล่าวที่ว่า “ห่างกันพันลี้แสนไกล บุพเพเชื่อมไว้ด้วยด้ายแดง” (千里姻緣一線牽)


บางความเชื่อก็กล่าวไว้ว่า ด้ายแดงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เป็นเหมือนดั่งแรงอธิษฐานของหนุ่มสาวที่ซื่อตรงต่อความรักซึ่งกันและกัน แต่ไม่สามารถครองรักกันได้ ก่อนที่ทั้งสองจะตายจากกันได้ขอพรต่อสวรรค์เพื่อให้ทั้งคู่ได้กลับมาครองรักกันในชาติหน้า เพราะฉะนั้นจึงเกิดเป็นความเชื่อที่ว่า คนที่คู่กันจะเกิดมาพร้อมกับด้ายแดงผูกไว้ที่นิ้วก้อยของแต่ละฝ่าย นอกจากนี้ยังเชื่ออีกว่าความยาวของด้ายแดงนั้น ยาวถึงสองรอบของโลก หลังจากนั้นด้ายแดงจะค่อย ๆ ขดกลับเข้าหากันเพื่อให้หนุ่มสาวได้เจอกัน และจะขาดจากกันเมื่อทั้งคู่ตายจากโลกนี้ไป

เรื่องเล่าของผู้เฒ่าจันทรา

จากหนังสือเรื่อง “ซวี่เสวียนไกว้ลู่” ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของหลี่ฟู่เหยียน ได้เล่าตำนานเกี่ยวกับผู้เฒ่าจันทราไว้ว่า… ในสมัยราชวงศ์ถังมีบัณฑิตหนุ่มนามว่า “เหวยกู้” ได้เดินทางมาท่องเที่ยวต่างเมือง ขณะที่พักอยู่ในโรงเตี๊ยม เหวยกู้ได้พบกับชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าประตูร้าน ข้างกายมีกระเป๋าใบใหญ่ ส่วนในมือเปิดตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรประหลาดซึ่งเขาเองก็อ่านไม่ออก ด้วยความสงสัยเขาจึงเอ่ยถาม ชายชราหัวเราะพลางอธิบายว่านี่คือตำราบุพเพสันนิวาสของชายหญิงทุกคู่บนโลก ส่วนในกระเป๋านั้นคือด้ายแดงที่เอาไว้ผูกชายหญิงที่เป็นเนื้อคู่กัน แม้ว่าเขาจะยังคงเคลือบแคลงใจ แต่ก็เดินตามผู้เฒ่าคนนั้นไปจนถึงตลาด จากนั้นชายชราก็หยุดยืนมองหญิงตาบอดที่กำลังอุ้มเด็ก 3 ขวบเดินผ่านมาแล้วกล่าวกับเหวยกู้ว่า เด็กหญิงในอ้อมแขนของหญิงตาบอดผู้นั้น คือภรรยาของเขาในอนาคต พอเขาฟังดังนั้นก็ไม่พอใจ ตอบออกไปอย่างมั่นใจว่าเป็นไปไม่ได้ ชายเฒ่าผู้นั้นได้แต่ยิ้มและพูดว่า “ด้ายแดงได้ผูกไว้แล้ว ใครเล่าจะปฏิเสธได้” และพลันหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหวยกู้ไม่พอใจจึงสั่งคนรับใช้ให้ไปฆ่าเด็กคนนั้นเสีย


หลายปีต่อมา เหวยกู้ได้แต่งงานกับบุตรสาวของผู้ตรวจการเมือง และพบว่าภรรยาของตนมีรอยแผลเป็นจาง ๆ ที่คิ้ว เมื่อสอบถามจึงได้ความว่า เป็นรอยแผลเป็นที่เธอได้มาเมื่อ 14 ปีก่อน ตอนออกไปเที่ยวต่างเมืองกับพี่เลี้ยงตาบอด เธอถูกคนทำร้ายแต่ว่ารอดมาได้ เหวยกู้ได้ยินก็ตกใจ ชายหนุ่มจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าสาวของเขาก็คือ เด็กผู้หญิงที่ชายชราผู้นั้นได้บอกว่าเป็นคู่แท้ของชายหนุ่มนั่นเอง

ผู้เฒ่าจันทราเป็นอีกหนึ่งความเชื่อของลัทธิเต๋าที่ยังได้รับการนับถือบูชามาจวบจนปัจจุบันนี้ สะท้อนให้เห็นความเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสของชาวจีนในสมัยราชวงศ์ถังที่ว่า เทพเจ้าเบื้องบนเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตมนุษย์ ซึ่งความเชื่อนี้ได้ปรากฏในวรรณกรรมหลายเรื่อง อาทิ “ความฝันในหอแดง” ฉบับของเฉาเฉวี่ยฉิน “ยอดยุทธ์เยาวมาลย์” ของเหวินคัง และ “บันทึกฝูเซิงลิ่วจี้” ของเสิ่นซานไป๋ เป็นต้น นอกจากนี้เพราะยังปรากฏอยู่ในวัดหลายแห่ง ถือเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของหนุ่มสาวที่ยังไม่มีคู่ และคนที่ปรารถนาเรื่องความรักและอยากมีคู่ครอง ปัจจัยนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความเชื่อนี้อยู่มาอย่างยาวนาน


ด้ายแดงกับสถานที่ขอพรเรื่องความรัก

ปัจจุบันความเชื่อเรื่องด้ายแดงได้รับความนิยมอย่างมาก สะท้อนผ่านสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมไปสักการบูชา เพื่อตอบสนองความศรัทธาที่สืบต่อกันมาอย่างช้านาน หากหนุ่มสาวคู่ไหนอยากขอพรให้ตัวเองสมหวังในความรัก สถานที่แรกที่สามารถไปขอพรจากผู้เฒ่าจันทราได้ก็คือ “วัดหลงซาน” เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นสถานที่ขอพรด้านความรักยอดนิยม ภายในวัดมีรูปปั้นผู้เฒ่าจันทราให้ผู้คนสักการบูชา หากใครมีโอกาสได้ไปเยือนวัดแห่งนี้ละก็ เรามีวิธีการขอเนื้อคู่จากเทพเฒ่าจันทรา มาแนะนำดังนี้

1. จุดธูปสักการะที่กระถางธูปทั้งเจ็ด ที่ตั้งอยู่หน้าศาลเจ้าเทพเฒ่าจันทรา

2. บอกชื่อ-นามสกุล วันเกิด ที่อยู่ และลักษณะของเนื้อคู่ต้องการ

3. ขอด้ายแดงเพื่อให้เจอเนื้อคู่ โยนไม้เสี่ยงทาย 3 ครั้ง และจะต้องเป็นคว่ำหงายทั้ง 3 ครั้ง

4. หยิบด้ายแดงเส้นหนึ่ง จากนั้นเดินวนรอบกระถางธูป 3 รอบ

5. เมื่อเดินครบแล้วให้ไปที่ศาลเจ้าบอกชื่อ-นามสกุล วันเกิด ที่อยู่ และลักษณะของเนื้อคู่ที่ต้องการ อีกครั้ง

6. นำด้ายแดงติดกระเป๋าไว้จะได้พบเนื้อคู่ที่หมายปอง


นอกจากนี้ยังมีวัดอื่น ๆ ที่สามารถไปขอพรกับผู้เฒ่าจันทราได้ เช่น “วัดหวังต้าเซียน” หรือหว่องไท่ซิน ประเทศฮ่องกง ส่วนในประเทศไทยคือ “วัดเล่งเน่ยยี่” หรือวัดมังกรกมลาวาส กรุงเทพมหานคร เป็นต้น ความเชื่อเรื่องด้ายแดงไม่เพียงสะท้อนผ่านสถานที่เท่านั้น ปัจจุบันยังสะท้อนผ่านรูปแบบของเครื่องรางอีกด้วย โดยมีความเชื่อว่าหากบูชาด้ายแดงมาสวมใส่จะช่วยให้สมหวังในเรื่องของความรักนั่นเอง ด้วยเหตุนี้จึงมีร้านค้าหรือสถานที่ต่าง ๆ เปิดให้บูชาด้ายแดงเพื่อนำมาสวมใส่เป็นเครื่องราง ซึ่งมีผู้คนให้ความสนใจกันอย่างแพร่หลาย

สู่ส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องในอนิเมชันญี่ปุ่น

ส่วนประเทศญี่ปุ่น ความเชื่อเรื่องด้ายแดงแห่งโชคชะตาที่เรียกว่า “Unmei no akai ito” (運命の赤い糸) ก็ได้รับอิทธิพลความเชื่อมาจากประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในสังคมญี่ปุ่นไปโดยปริยาย เพราะเรื่องราวของด้ายแดงมักสอดแทรกอยู่ในอนิเมชันหลากหลายเรื่อง โดยนำเสนอภาพวัฒนธรรมความเชื่อผ่านการตีความใหม่จากพื้นฐานความเชื่อเดิม


ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์อนิเมชันเรื่อง “Your Name” (หลับตาฝัน คิดถึงชื่อเธอ) เนื้อเรื่องมีการสอดแทรกความเชื่อของด้ายแดงผ่านเชือกทอ ซึ่งเป็นที่มัดผมของ “มิสึฮะ” นางเอกของเรื่อง โดยเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับสร้อยข้อมือสีแดงของ “ทะกิ” พระเอกของเรื่อง สื่อให้เห็นถึงพื้นฐานความเชื่อเรื่องด้ายแดงที่เป็นสิ่งผูกความสัมพันธ์ของทั้งคู่ หรืออนิเมชันเรื่อง “Madoka Magica” (สาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะ) ริบบิ้นสีแดงที่ตัวละคร “มาโดกะ” มอบให้ “โฮมูระ” เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความผูกพันเฉกเช่นด้ายแดงแห่งโชคชะตานั่นเอง และอนิเมชันเรื่อง “Naruto” (นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ) ตัวละคร “คุชินะ” นินจาสาวผมแดงผู้เป็นแม่ของนารูโตะ กับ “มินาโตะ” ผู้เป็นพ่อ ในเรื่องมีการสื่อความว่าผมแดงของคุชินะเปรียบเสมือนกับด้ายแดงที่ลิขิตให้ได้มาพบรักกับมินาโตะนั่นเอง


นอกจากนี้ยังมีอนิเมชันเรื่องอื่น ๆ ที่มีการกล่าวถึงเรื่องด้ายแดงสอดแทรกอยู่ในเนื้อเรื่อง เช่น Pokemon (โปเกมอน), Kekkaishi (ผู้ผนึกมาร), Potemayo (โปเตะมาโยะ) และ Yu Yu Hakusho (คนเก่งฟ้าประทาน) เป็นต้น นอกจากนี้ที่จังหวัดอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น ยังมีงานประติมากรรม Futari ซึ่งเป็นงานหล่อโลหะรูปคนคู่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวละครสองพี่น้องที่ผูกพันกันด้วยด้ายสีแดงในนวนิยายเรื่อง Memories ผลงานของ Osamu Dazai บรมครูแห่งวงการนักเขียนในญี่ปุ่นอีกด้วย

บางคนอาจจะเคยดูอนิเมชันข้างต้น หรือเคยเดินทางไปยังสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับด้ายแดงกันมาบ้างแล้ว จะเห็นว่าความเชื่อนี้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในสังคม ว่าแต่คุณล่ะ…เชื่อในพรหมลิขิตของด้ายแดงมั้ย?


ที่มา

  • Red String of Fate. allthetropes.fandom.com
  • The red thread of fate in anime, manga, and other media. 012mashitalks.home.blog
  • ด้ายแดงแห่งโชคชะตา (運命の赤い糸). www.marumura.com
  • ผู้เฒ่าจันทรา เทพพ่อสื่อในตำนานจีน. www.arsomsiam.com
  • ไหว้เฒ่าจันทรา พาคู่ ที่วัดหลงซาน ไทเป ไต้หวัน Lungshan Temple Taipei Taiwan. th.readme.me
  • อรรคภณ วชิรวัชร์ และชนิสรา สีรือแสง. ศึกษาตำนานความเชื่อด้ายแดงแห่งโชคชะตาของชาวจีน. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น ปีที่ 6 ฉบับที่ 4 (กรกฎาคม-สิงหาคม 2563). so04.tci-thaijo.org

เรื่องโดย