เป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ที่ชาวเมืองนามิเอะในจังหวัดฟูกูชิมะย้ายกลับบ้านเกิด หลังมีคำสั่งจากรัฐบาลให้ชาวเมืองอพยพออกจากถิ่นฐาน เนื่องจากเกิดสารกัมมันตรังสีรั่วไหลจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ–ไดอิจิ อันเป็นผลพวงจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 2011
Mr. Akutsu ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหนึ่งเดียวในนามิเอะ
ผู้คนบางส่วนเดินทางกลับมายังบ้านเกิด และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในพื้นที่กลับมาเปิดให้บริการใหม่ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2019
อะกุซึ มาซาโนบุ เจ้าของร้าน Mr. Akutsu ร้านขายและซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็ก ๆ ใจกลางเมืองนามิเอะ เปิดเผยว่า เขามีความสุขกับการค้าขายอันแสนวุ่นวายในแต่ละวันจากลูกค้าเก่า ๆ ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ตารางการทำงานของอะกุซึเรียกว่าแน่นทุกวัน เพราะการบริการของเขาเป็นที่ต้องการอย่างมากจากผู้คนที่ทยอยย้ายกลับบ้าน พวกเขาต่างมองหาและสั่งซื้อเครื่องใช้ภายในบ้าน ขณะที่อีกหลายคนต้องการช่างฝีมือเพื่อซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ
“ผมมีความสุขมากที่ได้เริ่มต้นธุรกิจใหม่อีกครั้งในนามิเอะ การกลับมาครั้งนี้ทำให้ผมมีงานทำมากขึ้นในทุก ๆ วัน”
ร้าน Mr. Akutsu ดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี อะกุซึได้รับมรดกจากพ่อของเขา ภายในร้านมีพนักงาน 4 คน แต่เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นออกคำสั่งให้ชาวเมืองอพยพออกจากเมืองนามิเอะ เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 เพราะเกิดพิบัติภัยที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ-ไดอิจิ ทำให้ร้าน Mr. Akutsu ที่อยู่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับอาคารและร้านค้าอื่น ๆ ที่ต้องถูกรื้อถอนในเวลาต่อมา
หลังจากรัฐบาลมีคำสั่งยกเลิกและให้ชาวเมืองย้ายกลับบ้านเกิดได้บางส่วน อะกุซึจึงตัดสินใจกลับมาดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการติดตั้งและขายอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกครั้ง เนื่องจากร้านค้ารายย่อยหลายรายได้ติดต่อเขาเข้ามาว่าต้องการร้านอุปกรณ์ไฟฟ้า เพราะยังไม่มีร้านใดกลับมาเปิด
“ร้านของ Mr. Akutsu มีประสิทธิภาพอย่างมาก เขาแก้ปัญหาให้พวกเราได้อย่างรวดเร็ว” เจ้าของร้านอาหารปิ้งย่างแห่งหนึ่งที่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์กำจัดควันในร้าน กล่าว
ชีวิตที่ต้องย้ายถิ่นฐานหลังเผชิญพิบัติภัยนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ของนามิเอะ ยังคงถูกกำหนดให้เป็นเขตห้ามเข้า โดยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2020 มีชาวเมืองนามิเอะที่อพยพกลับบ้านเกิดเพียง 1,467 คน จากรายชื่อประมาณ 16,843 คน
ผลสำรวจในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 พบว่า 54.9% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตัดสินใจที่จะไม่กลับมาที่นามิเอะ มีเพียง 11.4 % เท่านั้นที่บอกว่า ต้องการกลับมา ในขณะที่ 26.1% ยังไม่ตัดสินใจ นอกจากนี้ ประมาณ 60% ของผู้ที่วางแผนจะกลับมาหวังว่าจะได้ย้ายกลับไปอยู่ ณ บ้านหลังเก่าของพวกเขา
Photo Credit: NHK Photo Credit: NHK
อะกุซึ ให้ความเห็นว่า “ผมคิดว่าชาวเมืองนามิเอะที่อพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ยังคงคิดถึงและระลึกถึงนามิเอะอยู่เสมอ ผมเชื่อว่าผู้อพยพจำนวนมากต้องการรักษาบ้านของพวกเขาให้อยู่ในสภาพดี เพื่อที่วันหนึ่งจะได้กลับมายังบ้านเกิด”
ในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา อะกุซึ ยังคงวุ่นอยู่กับการเปลี่ยนและซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ในหมู่บ้าน “ผมคิดว่าชาวเมืองที่ย้ายกลับบ้านช่วงนี้ ต้องการใช้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพดี ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด” เขากล่าว
แม้อะกุซึจะย้ายกลับมาตั้งร้านและอาศัยอยู่ในเมืองนามิเอะถาวรแล้ว แต่เขาก็ยังคงรับงานนอกเมืองด้วย เนื่องด้วยยังมีชาวเมืองนามิเอะจำนวนมากยังไม่ได้ย้ายกลับถิ่นฐาน ซึ่งพวกเขาอยากรู้ความเป็นไปของบ้านเกิด อะกุซึจึงเป็นตัวแทนเพื่อกลับไปรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ในเมืองนามิเอะให้พวกเขาฟัง
“ผมเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งก่อนและหลังเกิดอุบัติภัยครั้งนั้น ดังนั้นผมจึงอยากติดตามเรื่องราวว่า เหตุการณ์ของบ้านเกิดผมจะเป็นอย่างไรในอนาคต” อะกุซึ มาซาโนบุ เจ้าของร้าน Mr. Akutsu กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา
- Hashimoto Hirotaka. A family business in Fukushima gets back on its feet. www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/backstories