Kind Global

ย้อนรอยประวัติศาสตร์โลก: “สึนามิ” พิบัติภัยครั้งใหญ่ที่เป็นดั่งฝันร้ายในวันวาน


16 ปีแห่งความหลัง… กับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่หลายคนยากจะลืมเลือน

เมื่อจู่ ๆ น้ำทะเลกลับเหือดหายลงไปและปรากฏเป็นกำแพงคลื่นสูงใหญ่ถาโถมเข้าใส่ผู้คน คลื่น “สึนามิ” ขนาดมหึมาที่พัดถล่มเข้ามายังบริเวณชายฝั่งอันดามันของประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2004 สำหรับหลายคนเหตุการณ์ครั้งก่อนยังคงเป็นฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือน แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบทเรียนทางธรรมชาติที่ทำให้เราทุกคนได้เรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยธรรมชาติที่เราไม่อาจหยั่งรู้ว่าจะเกิดอีกเมื่อใด

วันนี้ KiNd พาทุกคนย้อนประวัติศาสตร์ไปทำความรู้จักกับเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบในระดับรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นในอดีตกาลทั่วโลก  

สึนามิ (Tsunami) เป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น โดยคำว่า “Tsu” หมายถึง ท่าเรือ “Nami” หมายถึง คลื่น ซึ่งมีลักษณะเป็นคลื่นยักษ์ที่มีความยาวคลื่นเป็นหลัก 100 กิโลเมตรขึ้นไป โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเคลื่อนตัวของพื้นผิวโลกใต้ทะเลในแนวดิ่งตรงรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งทำให้เกิดรอยเลื่อน ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ หรือเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟและการระเบิดใต้น้ำ ดินถล่ม ธารน้ำแข็งไถล อุกกาบาตตก และการรบกวนอื่น ๆ ไม่ว่าเหนือหรือใต้น้ำ ล้วนอาจก่อให้เกิดเป็นคลื่นสึนามิได้ทั้งสิ้น และเมื่อคลื่นเคลื่อนที่เข้าใกล้ชายฝั่งความสูงของคลื่นจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตามสภาพภูมิลักษณ์ของชายฝั่งนั้น ๆ ซึ่งส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์


แต่ก่อนกาลเมื่อประมาณ 3,600 ปีมาแล้ว
เกาะทีรา ประเทศกรีซ


จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้มีการกล่าวถึงคลื่นขนาดใหญ่ที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดในทะเลอีเจียน ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อประมาณ 3,600 ปีมาแล้ว (ในช่วงระหว่างปี 1,650 ถึง 1,600 ก่อนคริสต์ศักราช เวลาที่แน่นอนยังคงถกเถียงกันอยู่)

ในครั้งนั้นปรากฏว่า “ภูเขาไฟที่เกาะซานโตรินี” (Santorini) ซึ่งปัจจุบันเรียกชื่อว่า “เกาะทีรา” (Thira) อยู่ทางตอนใต้ของประเทศกรีซเกิดการปะทุอย่างรุนแรง จนทำให้ตัวเกาะหายไปเกือบหมด และทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำสึนามิที่มีความสูงตั้งแต่ 100 ถึง 150 เมตร ซึ่งถาโถมเข้าถล่มชายฝั่งทางด้านเหนือของเกาะครีต (Crete) ซึ่งอยู่ห่างออกไป 70 กิโลเมตร พร้อมกวาดทำลายต้นไม้ทุกต้นที่ขึ้นอยู่ในแนวป่ามิโนอันไปหมดในชั่วพริบตา ทั้งยังทำให้ผู้คนล้มตาย และอาคารบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก

นอกจากนี้ผลจากพิบัติภัยในครั้งนั้นทำให้วัฒนธรรมมิโนอา (Minoan Culture) ของกลุ่มชนโบราณ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะครีตต้องเสื่อมสลายลง และ การเกิดคลื่นใหญ่ดังกล่าวนั้น ถือได้ว่าเป็นการเกิดคลื่นสึนามิ ที่มีการบันทึกไว้เก่าแก่ที่สุด

ทั้งนี้มีการคาดกันว่าคลื่นใต้น้ำซานโตรินี คือแหล่งข้อมูลที่ทำให้เพลโต (Plato) เกิดแรงบันดาลใจในการเขียนวรรณกรรมเป็นนวนิยายดังเรื่องแอตแลนติส (Atlantis) และนักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า คลื่นสึนามิซานโตรินี ที่เกิดขึ้นครั้งนี้คือแหล่งที่มาสำคัญที่นำไปสู่การบันทึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์น้ำท่วมโลก ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ทั้งของชาวยิว คริสเตียน และมุสลิม



ค.ศ. 1755
เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส


เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1755 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 8.5 ริกเตอร์ ชาวโปรตุเกสจำนวนหลายหมื่นคนรอดชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ลิสบอน แต่กลับต้องเสียชีวิตไปทันที ด้วยคลื่นสึนามิที่โถมเข้าทำลายหลังเกิดแผ่นดินไหวได้เพียงไม่กี่นาที เนื่องจากคนจำนวนมากหนีภัยแผ่นดินไหวออกไปยังแนวชายฝั่งทะเล ด้วยเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีความปลอดภัย ก่อนที่สึนามิกำแพงน้ำที่สูงใหญ่ จะถาโถมเข้าถล่มท่าเรือบนชายฝั่งลิสบอน ส่งผลให้ประเทศโปรตุเกส สเปน และโมร็อกโก มีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวและสึนามิ ประมาณ 60,000 คน



ค.ศ. 1883
เกาะกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย


เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1883 เวลา 10.00 น. “ภูเขาไฟบนเกาะกรากะตัว” (Krakatoa) ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะสุมาตรากับเกาะชวา ในช่องแคบซุนดาของประเทศอินโดนีเซีย ได้เกิดการปะทุอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด แรงระเบิดนั้นคร่าชีวิตทุกคนที่ยังอยู่บนเกาะ โดยพื้นที่ร้อยละ 65.52 ของเกาะ กลายเป็นเถ้าธุลีลอยสูงขึ้นไปถึง 80 กิโลเมตร ในรัศมี 240 กิโลเมตร เถ้าธุลีเหล่านั้นได้บดบังแสงอาทิตย์จนมืดมิดทำให้ท้องฟ้าคล้ายกับเวลาตอนกลางคืน

นอกจากนี้ยังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงกว่า 30 เมตร ซัดเข้าหาฝั่งเกาะสุมาตราและเกาะชวา ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 36,000 คน และหมู่บ้านตามชายฝั่งถูกทำลายเสียหายประมาณไปกว่า 165 แห่ง และครั้งนี้นับเป็นพิบัติภัยครั้งใหญ่ที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิด และคลื่นสึนามิ ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชียเป็นครั้งแรก



ค.ศ. 1896
ชายฝั่งซันริคุ ประเทศญี่ปุ่น


วันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1896 ได้เกิดเหตุการณ์คลื่นสึนามิ ที่ชื่อ “เมจิ ซันริคุ” (Meiji Sanriku) พัดถล่มเข้าที่ชายฝั่งซันริคุ (Sanriku) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ขนาดความรุนแรงอยูที่ 8.5 ริกเตอร์ คลื่นสูงประมาณ 30 เมตร ขณะที่ชาวบ้านหลายคนกำลังเฉลิมฉลองให้กับสองเทศกาลคือ การกลับมาขอเหล่าทหารกล้าจากชัยชนะในสงครามกับจีน (สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง) และเทศกาลเด็กผู้ชาย หรือ Boy’s Festival (คือเทศกาลสำหรับเด็กผู้ชาย ครอบครัวไหนที่มีลูกชายก็จะจัดประดับตกแต่งบ้านด้วยตุ๊กตา นักรบซามูไรสวมชุดเกราะ เพื่อเป็นการอธิษฐาน ขอพรให้ลูกชายมีความแข็งแรงเหมือนนักรบ)

ขณะที่มีเฉลิมฉลองกับงานเทศกาลชาวบ้านสังเกตเห็นแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยในช่วงก่อนหน้านี้หลายชั่วโมง ก่อนจะเกิดแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิเคลื่อนที่เข้าสู่ชายฝั่งอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 26,000 คน และบ้านเรือนเสียหายประมาณ 9,000 หลัง 



ค.ศ. 2004
เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย


เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2004 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.1 ริกเตอร์ ที่ระดับความลึกจากพื้นท้องทะเล 28.6 กิโลเมตร มีศูนย์กลางในทะเลนอกชายฝั่งด้านทิศตะวันตกตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย และเกิดสึนามิตามมาในมหาสมุทรอินเดีย โดยเข้าถล่มชายฝั่งประเทศต่าง ๆ ที่อยู่โดยรอบ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ศรีลังกา อินเดีย ไทย โซมาเลีย มัลดีฟส์ พม่า แทนซาเนีย บังคลาเทศ และเคนยา ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 230,000 คน และสูญหายอีกหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในเมืองบันดาอาเจะห์ ของประเทศอินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 150,000 คน 

สำหรับประเทศไทยมี 6 จังหวัดในฝั่งทะเลอันดามันที่ได้รับผลกระทบ คือ จังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง และสตูล มีผู้เสียชีวิตทั้งคนไทย และต่างชาติมากกว่า 5,395 คน และสูญหายมากกว่า 2,000 คน บาดเจ็บประมาณ 8,000 คน ส่วนอาคารบ้านเรือน โรงแรม ที่พักเสียหายยับเยิน และพื้นที่ชายฝั่งทะเลไทยได้รับผลกระทบมากกว่า 475,000 ไร่



ค.ศ. 2011
ชายฝั่งแปซิฟิกโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่น


เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2011 เวลา 14.46 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ ทำให้เกิดคลื่นสึนามิความสูงประมาณ 6 เมตรพัดถล่มชายฝั่งแปซิฟิกโทโฮคุ ด้านตะวันออกของเกาะฮอนชู ได้แก่ ชายฝั่งเขตจังหวัดอิวาเตะ มิยางิ ฟุกุชิมะ โทจิงิ และอิบารากิ โดยสร้างความเสียหายให้กับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ทำให้รัฐบาลต้องเร่งสั่งอพยพประชาชนราว 300,000 คน รอบรัศมี 10 ถึง 20 กิโลเมตรจากโรงงานไฟฟ้า

สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 15,844 คน สูญหาย 3,468 คน และบาดเจ็บ 5,364 คน ทั้งนี้ยังก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งประวัติศาสตร์ กว่าหนึ่งล้านหลังคาเรือนถูกทำลายหรือชำรุด สาธารณูปโภค อาทิ ถนน ทางรถไฟ ไฟฟ้า น้ำประปา ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

ปรากฏการณ์คลื่นสึนามิที่นำมากล่าวไว้ข้างต้นนี้ เป็นเพียงกรณีตัวอย่างของการเกิดคลื่นสึนามิครั้งสำคัญ ๆ ที่มีผลกระทบรุนแรง และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่เราหยิบยกขึ้นมาเท่านั้น แต่ยังมีคลื่นสึนามิครั้งย่อย ๆ ที่เกิดขึ้นอีกบ่อยครั้งในระยะเวลาต่าง ๆ  

เมื่อภัยธรรมชาติย่างกรายเข้ามาเป็นปฏิปักษ์กับมนุษย์ หรือในทางกลับกันมนุษย์นี่แหละที่เป็นผู้รุกล้ำล่วงเกินขอบเขตของธรรมชาติ แม้ว่าผลกระทบที่ได้รับนั้นจะร้ายแรงถึงขั้นคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก ราวกับเป็นฝันร้ายในวันวานของเหล่ามวลมนุษยชาติ ทว่าก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องกลับมาฉุกคิดอย่างลึกซึ้ง พร้อมตั้งคำถามกันอีกครั้งว่า เราจะสามารถอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างไรให้สมดุลที่สุด และจะรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นยามใดก็ได้… ได้อย่างไร?


ที่มา


เรื่องโดย